เลนส์โปรเกรสซีฟ คืออะไร
เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive lens) คือเลนส์ที่สามารถมองได้ทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น ไกล,กลาง และใกล้โดยที่คุณไม่ต้องถอดแว่นเข้า-ออกหรือต้องมีแว่นหลายอัน เหมาะกับท่านที่อายุมากกว่า 38 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ที่มีอายุ 38 ปีขึ้นไป มักจะมีปัญหาเรื่อง สายตายาวตามวัย (Presbyopia)
เลนส์โปรเกรสซีฟจะมี 4 โซนหลักๆ ได้แก่
- โซนมองไกล (Distance Zone) : ขับรถ
- โซนมองกลาง (Intermediate Zone) : ใช้คอมพิวเตอร์
- โซนมองใกล้ (Reading Zone) : อ่านหนังสือ, ใช้โทรศัพท์
- โซนด้านข้าง (Peripheral distortion Zone) : ภาพบิดเบือนด้านข้าง
ถ้าไม่อยากอ่านสามารถรับชมแบบวิดิโอได้เลยค่ะ
สายตายาวตามวัย เกิดจากอะไร?
เมื่อเราอายุ 40 ปี (ตั้งแต่ปี 2000 เราพบว่าช่วงอายุที่เริ่มมีสายตายาวอยู่ระหว่างอายุ 37-39) กล้ามเนื้อตามัดเล็กที่อยู่รอบเลนส์ตาของเรา (Ciliary muscles) จะเริ่มมีการเสื่อมสภาพลงตามอายุ
ประกอบกับเลนส์ตามีความแข็งขึ้น ทำให้การเพิ่มกำลังของเลนส์โดยการป่องออกแบบธรรมชาติเพื่อมองใกล้เป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นเราจึงต้องเริ่มหาแว่นสายตายาว (มีลักษณะเป็นเลนส์นูน) มาใช้เพื่อให้มองใกล้ได้ดีขึ้น
มองใกล้ไม่ชัด ใช้เลนส์อะไรดี?
แต่….ก่อนที่ท่านจะเลือกวิธี ท่านต้องทราบก่อนว่าตอนนี้สายตาของท่านมีความผิดปกติอย่างไรบ้าง โดยเราจะแบ่งตามปัญหาที่พบออกเป็น 4 แบบคือ
- “มองไกลชัด แต่มองใกล้ไม่ชัด” : ปัญหานี้จะพบในท่านที่สายตาปกติ ไม่มีสายตาสั้นหรือเอียงมาก่อน แต่พออายุเข้าสู่ 40 จึงเริ่มมีปัญหาสายตายาวตามวัย
- “มองไกลไม่ชัด มองใกล้ชัดแต่ต้องถอดแว่นออก” : ปัญหานี้จะพบในท่านที่มีสายตาสั้นมาก่อน และพออายุเข้าสู่ 40 ก็มีปัญหาสายตายาวตามวัยเพิ่มเข้าไปด้วย
- “มองไกลก็ไม่ชัด มองใกล้ก็ไม่ชัด” : ปัญหานี้จะพบในท่านที่มีสายตายาวมาก่อนและมีอาการมองไกลไม่ชัด และพออายุเข้าสู่ 40 ก็มีปัญหาสายตายาวตามวัยเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้มองไม่ชัดทั้งไกลและใกล้
- “มองไกลและใกล้เป็นภาพซ้อน” : ปัญหานี้จะพบในท่านที่มีสายตาเอียง ส่งผลให้มองไกลและใกล้เป็นภาพซ้อน ลักษณะเหมือนมีเงาที่ตัวอักษร หรือมองเห็นเลข 6,8,9 เหมือนตัวเดียวกัน
แล้วต้องใช้ตัวช่วยอะไร? เพื่อแก้ปัญหาสายตายาว “ORRA ขอแนะนำ 5 วิธี” พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสีย เพื่อให้ท่านเลือกใช้ตามความเหมาะสมของท่านดังนี้
1. มีแว่น 2 อัน
คือ การแยกแว่นตามการใช้งาน เช่นแว่นสำหรับมองไกล 1 อัน และแว่นสำหรับมองใกล้ 1 อัน
ข้อดี : ได้ภาพที่กว้าง ราคาประหยัด
ข้อเสีย : ต้องถอดแว่นเข้า-ออก ทำให้เสียบุคลิก ไม่ตอบโจทย์กับผู้ที่ใช้สายตาทั้งวัน และถ้านำแว่นสำหรับมองใกล้ไปมองไกล อาจทำให้สายตาเพี้ยนได้
2. ใช้เลนส์สองชั้น (Bifocal lenses)
คือ แว่นที่มีครึ่งวงกลมอยู่ด้านล่าง ส่วนบนไว้มองไกล ส่วนล่างไว้มองใกล้
ข้อดี : มองได้ทั้งใกล้และไกล
ข้อเสีย : ความคมชัดในระยะกลางหายไป ใส่แล้วดูแก่ ไม่สวยงามเพราะเห็นครึ่งวงกลมอยู่ด้านล่างตลอด
3. ใช้ Multifocal Contact Lens
คือ contact lens ที่แก้ไขทั้งใกล้และไกล
ข้อดี : มองได้ทั้งใกล้และไกล เหมาะสำหรับท่านที่ไม่ชอบใส่แว่น
ข้อเสีย : ไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ เพราะจะไม่ชัดเหมือนแว่น และต้องดูแลรักษาความสะอาดมากๆ ไม่เหมาะกับท่านที่มีอาการตาแห้งร่วมด้วย ถ้าใช้แบบไม่ถูกสุขลักษณะอาจทำให้เกิดภาวะเสี่ยงกับดวงตาได้
4. ทำ NV LASIK
คือ การรักษาสายตาด้วยวิธี LASIK โดยให้ตาข้างเด่นไว้มองไกล ส่วนตาอีกข้างจะเหลือสายตาสั้นไว้เล็กน้อยเพื่อใช้มองใกล้
ข้อดี : มองได้ทั้งใกล้และไกล เหมาะสำหรับท่านที่ไม่ชอบใส่แว่น
ข้อเสีย : ไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ เพราะจะไม่ชัดเหมือนแว่น และไม่เหมาะกับท่านที่มีอาการตาแห้ง
5. เลนส์โปรเกรสซีฟ คือ
เลนส์ไร้รอยต่อที่สามารถมองได้ทุกระยะ ไม่ว่าจะเป็นไกล กลาง ใกล้
ข้อดี : มองได้ทุกระยะ ไกล กลาง ใกล้ เหมาะกับท่านที่ต้องการใช้สายตาทั้งวัน และต้องการเห็นชัดทุกระยะ
ข้อเสีย : ต้องใช้เวลาปรับตัว ราคาจะสูงกว่าเลนส์ทั่วไป และต้องตรวจกับผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือสำหรับเลนส์โปรเกรสซีฟเท่านั้น
เมื่อไหร่ที่ต้องใช้ เลนส์โปรเกรสซีฟ
เมื่อเริ่มมองใกล้ไม่ชัด บางรายเห็นภาพซ้อน ต้องยืดแขนออกไปเพื่อปรับระยะโฟกัสให้ชัด
รำคาญที่ต้องคอยถอดแว่นเข้า-ออก เป็นประจำ เพราะมองใกล้ไม่ชัด ต้องถอดแว่นมองถึงชัด
เบื่อกับการต้องพกแว่นหลายอัน เช่น แว่นมองไกล 1 อัน มองใกล้ 1 อัน มีโอกาสลืมหรือทำแว่นหายบ่อยๆ
ต้องมองลอดแว่นเพื่อจะมองไกล ทำให้เสียบุคลิก
แว่นอ่านหนังสือที่มี มองไกลไม่ได้เลย แต่ชีวิตประจำวันต้องการมองทุกระยะ
อ่านหนังสือยากขึ้นเมื่อแสงน้อย
เริ่มมีอาการปวดกระบอกตา ปวดขมับ หรือปวดหัว
หากท่านมีอาการเหล่านี้อย่างน้อย 3 อย่าง ORRA ขอแนะนำ “เลนส์โปรเกรสซีฟ”
เลนส์โปรเกรสซีฟ ราคาเท่าไหร่?
เลนส์โปรเกรสซีฟ ราคาเริ่มต้นที่ 6,990 ทุกยี่ห้อ
: เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นเริ่มต้นนี้ จะเหมาะกับ “ผู้ที่เพิ่งเริ่มมีสายตายาว” และมีค่าสายตาไม่ซับซ้อน ปรับตัวง่าย
รายละเอียดยี่ห้อและรุ่นดังนี้ :
- Essilor Essentials active
- Hoya Dynamic summit
- Nikon Presio first
- Rodenstock PAL Free
- Zeiss Light D
ORRA มีเลนส์โปรเกรสซีฟ ราคา 6,990฿ ให้ลองทั้ง 5 ยี่ห้อ
เลนส์โปรเกรสซีฟ ยี่ห้อไหนดี?
ORRA จึงรวบรวมนำจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อมาให้ท่านตัดสินใจดังนี้ :
ESSILOR : FRANCE
เลนส์โปรเกรสซีฟ Essilor เป็นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในด้านการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และมี option ให้เลือกหลากหลาย
จุดเด่น :
- มีนวัตกรรม coating optifog ซึ่งจะช่วยลดการเกิดฝ้าที่เลนส์เป็นอย่างดี เหมาะกับท่านที่ใส่หน้ากากอนามัยแล้วเลนส์แว่นตาเกิดฝ้าบ่อยๆ
- เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ Transition gen 8
HOYA : JAPAN
เลนส์โปรเกรสซีฟ HOYA เป็นแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ในประเทศไทย HOYA ถือว่าเป็นแบรนด์ต้นๆ เลยก็ว่าได้
จุดเด่น :
- คุณภาพของเนื้อเลนส์ และ coating มีความแข็งแรงทนทาน
- โครงสร้างเป็นแบบ soft design คือ การค่อยๆไล่ระดับของค่าสายตาสำหรับมองไกล กลาง และใกล้ ทำให้ได้ภาพที่นุ่มนวล ปรับตัวง่าย
NIKON : JAPAN
เป็นแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกับ HOYA แต่ Nikon จะมี know how ในการผลิตเลนส์กล้องที่มีคุณภาพสูง จนพัฒนามาสู่เลนส์แว่นตาที่ให้ความคมชัดสูง
จุดเด่น :
- เลนส์ของ Nikon มีความคมชัดสูงมาก
- มีหลายโครงสร้างให้เลือก หลายๆท่านที่ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟยี่ห้ออื่นไม่ได้ ต้องลองของ Nikon
Rodenstock : GERMAN
เลนส์โปรเกรสซีฟ Rodenstock เป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมันที่มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่และล้ำสมัยตลอดเวลา
จุดเด่น :
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตายาว (Hyperopia) และมีสายตายาวตามวัยร่วมด้วย (Presbyopia)
- โครงสร้างเป็นแบบ Hard Design ทำให้ผู้ใส่สามารถมองภาพได้คมชัดมาก
ZEISS : GERMAN
จุดเด่น :
- เลนส์ Zeiss มีความใสของเนื้อเลนส์สูงมาก ทำให้ผู้สวมใสรู้สึกถึงการมองเห็นที่เป็นธรรมชาติ
- โครงสร้างเป็นแบบ Hard Design ทำให้ผู้ใส่สามารถมองภาพได้คมชัดมาก
เทคโนโลยีปัจจุบันของเลนส์โปรเกรสซีฟ
การผลิตเลนส์โปรเกรสซีฟในอดีตโครงสร้างของเลนส์ไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างในปัจจุบัน โดยโครงสร้างหลักจะได้จากการหล่อผ่านแม่พิมพ์ เพื่อรอการนำไปขัดค่าสายตาสั้น, ยาว, เอียง ธรรมดาทั่วไป
แต่เลนส์โปรเกรสซีฟในปัจจุบันถูกพัฒนาไปมากและมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ตั้งแต่โครงสร้างแบบธรรมดาไปจนถึงโครงสร้างเฉพาะบุคคล
โดย ORRA จะแบ่งโครงสร้างเป็น 3 แบบคือ…
เลนส์โปรเกรสซีฟ โครงสร้างสำเร็จรูป (CONVENTIONAL PROGRESSIVE LENS)
เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่คำนวนจากโครงสร้างสำเร็จรูปอยู่แล้ว หรือเรียกว่า “แม่พิมพ์” โดยจะผลิตแบบ conventional คือการขัดเลนส์ด้วยหัวขัดขนาดใหญ่ ทำให้ผลิตได้จำนวนมากและเร็ว ซึ่งความละเอียดก็จะน้อยกว่าการขัดแบบ freeform
ความแตกต่างของการขัดนี้จะมีผลกับความนุ่มนวลของมุมมองเวลาเราเหลือบมองด้านข้าง หรือเคลื่อนไหวเร็วๆ
ค่าที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตเลนส์จะมีเพียงค่าสายตาเท่านั้น ไม่ได้นำค่าพารามิเตอร์ที่สำคัญเข้ามาร่วมคำนวณและออกแบบโครงสร้างเลนส์ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้งานสูง ปรับตัวยาก และไม่ตอบโจทย์ในบางกิจกรรม
ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟแบบสำเร็จรูป เริ่มต้น 2,500 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟโครงสร้างฟรีฟอร์มพื้นฐาน (Standard FREEFORM PROGRESSIVE Lens)
เทคโนโลยีที่นิยมในปัจจุบันและใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Freeform Technology ที่สามารถออกแบบโครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟได้หลากหลาย ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น และ รองรับค่าสายตาที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
การผลิตแบบ freeform ไม่จำเป็นต้องมี “แม่พิมพ์” เลนส์จะถูกผลิตแบบคู่ต่อคู่ โดยการนำค่าที่สำคัญๆของท่านไปคำนวณ เช่น ค่าสายตาทั้ง สั้น ยาว และเอียง ,จุด PD (Pupillary Distance) : ระยะห่างระหว่างรูม่านตาทั้งสองข้าง, จุด PH (Pupillary Height) : ระยะห่างของรูม่านตากับขอบเลนส์ด้านล่าง
เหมาะกับใคร :
- เหมาะสำหรับท่านที่เริ่มต้นใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ
- สายตายาวไม่เกิน 1.75D
- สายตาเอียงไม่เกิน -1.25D
ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟแบบ Freeform ราคาเริ่มต้น 6,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟโครงสร้างฟรีฟอร์มแบบปรับแต่งเอง (CUSTOMIZED FREEFORM PROGRESSIVE)
เป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจากแบบ Standard freeform แต่จะเพิ่มความละเอียดในการผลิตเลนส์มากขึ้นโดยจะมีการนำค่าพารามิเตอร์ที่สำคัญ และ มีการนำเทคโนโลยี position of wear มาใช้ในการออกแบบเลนส์ด้วย
ทำให้เลนส์โครงสร้างนี้มีความนุ่มนวล สบายตา และการมุมมองธรรมชาติที่เหนือกว่ารุ่น Standard freeform
เหมาะกับใคร :
- เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟแบบมุมมองกว้าง ไม่ต้องปรับตัวมาก
- มีสายตา 2 ข้างต่างกันมากกว่า 1.50D
- มี PD (Pupillary Distance) : ระยะห่างระหว่างรูม่านตาทั้งสองข้างไม่ปกติ (อาจกว้างไปหรือแคบไป)
- สายตายาวไม่เกิน 2.25D
- สายตาเอียงไม่เกิน -1.75D
ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟแบบ CUSTOMIZED FREEFORM เริ่มต้น 19,200฿
เลนส์โปรเกรสซีฟโครงสร้างเฉพาะบุคคล (INDIVIDUAL FREEFORM PROGRESSIVE)
เป็นการรวมเทคโนโลยีที่ใช้ในรุ่น Standard freeform และ Customized freeform เข้าด้วยกัน พร้อมกับเทคโนโลยี Pupil Optimized Correction ที่นำเอาขนาดของรูม่านตาในแต่ละตำแหน่งการใช้งานเข้ามาคำนวนร่วมกับค่าสายตา ทำให้ได้เลนส์ที่มีคมชัดสูงขึ้นเพิ่ม
พร้อมทั้งยังเพิ่มรายละเอียดในเรื่องของพฤิตกรรมของผู้สวมใส่ (personal vision demand progressive lens) เพื่อผลิตเลนส์ออกมาให้เหมาะสมกับการใช้งาน และให้ผู้สวมใส่รู้สึกถึงความสบายตาอย่างเป็นธรรมชาติสูงสุด
เลนส์โปรเกรสซีฟโครงสร้างเฉพาะบุคคลต้องใช้เครื่องมือและผู้ตรวจที่มีความแม่นยำในเรื่องของการวัดพารามิเตอร์และการจ่ายเลนส์ให้เหมาะสมกับผู้ใส่ เพื่อให้ผู้สวมใส่ได้เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
เหมาะกับใคร :
- เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟแบบมุมมองกว้างและธรรมชาติสูงสุด
- ออกแบบเลนส์ได้ตาม lifestyle และอาชีพ
- สั่งทำได้ทุกค่าสายตา
- สั่งทำได้ทุกกรอบแว่นและทุกค่าพารามิเตอร์ตามขีดจำกัดของเลนส์
เลนส์โปรเกรสซีฟแบบ INDIVIDUAL FREEFORM : ราคาเริ่มต้น 39,600฿
Options เสริมที่สามารถเพิ่มเข้าไปในเลนส์โปรเกรสซีฟได้
- Multi-coat : มีคุณสมบัติ ตัดแสง,กรองแสง,ป้องกันรอยขีดข่วน,ป้องกันน้ำ/ฝุ่น และป้องกัน UV ที่เป็นอันตรายต่อดวงตา โดย option นี้ ORRA จะใส่ coating รุ่นสูงสุดเข้าไปในเลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่นของท่านอยู่แล้ว
- Blue block : มีคุณสมบัติลดแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตรายต่อจอประสาทตา
- Auto lens : มีคุณสมบัติเปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่อออกแดด และเปลี่ยนกลับเป็นเลนส์ใสเมื่อเข้าที่ร่ม สำหรับท่านที่ชอบมีแว่นอันเดียวไม่ต้องเปลี่ยนเป็นแว่นกันแดด
- Drive coating : มีคุณสมบัติลดแสงสะท้อน และเพิ่มความคสมชัดในการขับรถตอนกลางคืน พร้อมทั้งลดแสงฟุ้งกระจาย
- Tinting : มีคุณสมบัติเป็นแว่นกันแดดเต็มรูปแบบ สามารถย้อมสีตามเฉดสีที่ต้องการ
- Anti-bacterial coating : มีคุณสมบัติยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียบนพื้นผิวเลนส์ได้ถึง 99.99%
WHY? CHOOSE ORRA
ทำไม? ต้องเลือก ORRA
"ตัดแว่นที่ ORRA ต้องคุ้มค่า"
เพราะเราใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าที่มีคุณภาพ และบริการแบบ "FIRST CLASS SERVICE" ที่เน้นความพอใจของคุณเป็นหลัก
"ไม่ต้องกลัวเสียเงินฟรี"
ORRA เน้นตัดแว่นโปรเกรสซีฟให้ตอบโจทย์การใช้งานและแก้ปัญหาของคุณตามที่คุณต้องการ เพื่อให้คุณได้ใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่ใช้งานได้จริง 100%
"ORRA ใช้เครื่องมือตรวจเทคโนโลยีล่าสุด"
ORRA พัฒนาทักษะในด้านของคน และเครื่องมืออยู่เสมอ เพื่อให้แว่นตาโปรเกรสซีฟแต่ละอันมีความแม่นยำและละเอียดที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะทำได้
“กรอบแว่นตาของ ORRA ไม่ทำให้คุณดูแก่แน่นอน”
ORRA มีกรอบแว่นตาให้เลือกมากกว่า 2,000 แบบ โดยเน้นที่การใช้งานและความสวยงามต้องสอดคล้องกัน อีกทั้งเรายังมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมมาช่วยเลือกแว่นให้คุณ
กว่า 70% ของลูกค้า ORRA เป็นลูกค้าที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่มั่นใจและเชื่อใจใน ORRA บอกกันปากต่อปากจน ORRA เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
“4 ขั้นตอน” ในการตัดแว่นโปรเกรสซีฟกับ ORRA
ยืนยันนัดหมาย
ORRA จะโทรยืนยันนัดหมายล่วงหน้า 1 วัน
พร้อมส่งข้อมูลการเตรียมตัวก่อนมาวัดสายตาให้ท่านทาง LINE@
ตรวจวัดสายตา
เราจะทำการตรวจวัดสายตาและให้คำปรึกษาต่อท่านประมาณ 45-90 นาที
โดยเรามีห้องตรวจ 3 ห้อง เพื่อให้ท่านได้รับบริการอย่างสมบูรณ์
นัดรับแว่นตา
ระยะเวลาในการผลิตและประกอบพร้อมตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบให้ท่านประมาณ 10-14 วัน
ทางเราจะโทรแจ้งเมื่อแว่นถึงร้าน เพื่อนัดให้ท่านมารับ และบริการแนะนำการใช้งาน
บทสรุป :
เลนส์โปรเกรสซีฟ คือเลนส์ที่ช่วยให้ท่านมองเห็นทุกๆ กิจกรรม เรียกว่าเป็นเลนส์อเนกประสงค์เลยทีเดียว เหมาะกับท่านที่มีอายุมากกว่า 38 ปีขึ้นไปและมีสายตายาวตามวัย
ในการเลือกยี่ห้อและรุ่นนั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ค่าสายตา, ค่าพารามิเตอร์ของแว่น, กิจกรรมที่ใช้ และความ sensitive ของแต่ละท่านที่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ในส่วนนี้ต้องทำการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดถึงจะทราบผล
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ ORRA คือ ท่านต้องได้มาลองเลนส์โปรเกรสซีฟจริงๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
เพื่อให้ท่านได้รู้เลยว่าเลนส์โปรเกรสซีฟที่ท่านจะใช้งานไปตลอด 3-4 ปีนี้มีมุมมองอย่างไร โครงสร้างของเลนส์ทำให้ท่านมองเห็นเป็นอย่างไร
ORRA เป็นศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟแห่งแรกในไทย ที่ต้องการให้ลูกค้าได้ใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่ดีที่สุด ซึ่งแว่นโปรเกรสซีฟที่ดีนั้นต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง คือ หมอสายตาต้องมีประสบการณ์, เครื่องมือต้องแม่นยำ และบริการหลังการขายต้องชัดเจนและจริงใจ
เพราะเราเชื่อว่า “การมองเห็นที่ดีนั้น จะนำมาซึ่งชีวิตที่ดีเช่นกัน“