การอ่านค่าสายตาเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพสายตาของแต่ละบุคคล เนื่องจากแต่ละคนมีปัญหาสายตาที่แตกต่างกันไป วันนี้ ORRA จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการอ่านค่าสายตา ว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง และต้องอ่านอย่างไรให้เข้าใจ เพื่อให้คุณสามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับสภาพสายตาของตัวเองได้อย่างถูกต้อง
Table of Contents
- ปัญหาสายตามีแบบไหนบ้าง
- สายตาข้างขวาและซ้ายต่างกันไหม
- ใบค่าสายตามีอะไรบ้าง
- วิธีการอ่านค่าสายตาที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ
- สรุปบทความ
ปัญหาสายตามีแบบไหนบ้าง
ปัญหาสายตาเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยแต่ละคนอาจมีอาการแตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อการอ่านค่าสายตาที่แตกต่างกันด้วย ปัญหาสายตาที่พบบ่อยได้แก่:
- สายตาสั้น มองเห็นระยะใกล้ชัด แต่มองไกลเห็นภาพเบลอ
- สายตาเอียง มองเห็นภาพบิดเบี้ยว ไม่คมชัด
- สายตายาว มองเห็นระยะไกลชัด แต่มองใกล้เห็นภาพเบลอ
- สายตายาวตามอายุ พบในผู้สูงอายุ มักมีปัญหาในการมองระยะใกล้
ความผิดปกติเหล่านี้ส่งผลต่อตัวเลขการอ่านค่าสายตาที่แตกต่างกัน การเข้าใจค่าสายตาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเลนส์แว่นตาที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาสายตาได้ตรงจุด
สายตาข้างขวาและซ้ายต่างกันไหม
ในการการอ่านค่าสายตา คุณอาจพบว่าค่าสายตาของตาแต่ละข้างไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย เนื่องจากดวงตาทั้งสองข้างทำงานแยกกันอิสระ และอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ไม่เท่ากัน เช่น พฤติกรรมการใช้สายตา พันธุกรรม หรือโรคทางสายตา การตรวจวัดการอ่านค่าสายตาแยกแต่ละข้างจึงมีความสำคัญ เพื่อให้ได้เลนส์ที่เหมาะสมกับสายตาแต่ละข้าง
ใบค่าสายตามีอะไรบ้าง
ในใบการอ่านค่าสายตา จะประกอบด้วยค่าต่างๆ ที่บ่งบอกถึงลักษณะความผิดปกติของสายตา โดยแต่ละค่ามีความหมายและความสำคัญแตกต่างกันไป มาทำความรู้จักกับค่าต่างๆ กัน
1. Sphere (SPH)
SPH หรือ Sphere เป็นค่าที่บ่งบอกถึงกำลังของเลนส์ที่ใช้แก้ไขสายตาสั้นหรือยาว ในการอ่านค่าสายตา หากเป็นค่าลบ (-) แสดงถึงสายตาสั้น หากเป็นค่าบวก (+) แสดงถึงสายตายาว โดยมีหน่วยเป็นไดออปเตอร์ (D) ยิ่งตัวเลขมาก แสดงว่ายิ่งมีความผิดปกติของสายตามาก
2. Cylinder (CYL)
Cylinder หรือ CYL เป็นค่าที่ใช้ในการอ่านค่าสายตาสำหรับการแก้ไขสายตาเอียง มักแสดงด้วยค่าลบ (-) ยิ่งค่ามากแสดงว่ามีอาการสายตาเอียงมาก ค่านี้จะทำงานร่วมกับค่า Axis เพื่อกำหนดทิศทางของการแก้ไขสายตาเอียง
3. Axis
Axis เป็นค่าที่บอกทิศทางของสายตาเอียงในการอ่านค่าสายตา มีค่าตั้งแต่ 0-180 องศา ค่านี้จะระบุตำแหน่งที่ต้องวางเลนส์ทรงกระบอกเพื่อแก้ไขสายตาเอียง โดยจะทำงานร่วมกับค่า Cylinder เพื่อให้การแก้ไขสายตาเอียงมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. Add
Add เป็นค่าที่ใช้ในการอ่านค่าสายตาสำหรับเลนส์สองชั้นหรือเลนส์โปรเกรสซีฟ แสดงด้วยค่าบวก (+) บ่งบอกถึงกำลังขยายเพิ่มเติมสำหรับการมองระยะใกล้ มักพบในผู้ที่มีอาการสายตายาวตามวัย หรือต้องการความช่วยเหลือในการมองระยะใกล้
5. Prism
Prism เป็นค่าพิเศษในการอ่านค่าสายตาที่ใช้แก้ไขอาการตาเหล่หรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยจะระบุทั้งค่าความแรงและทิศทางของปริซึม เพื่อช่วยปรับแนวการมองเห็นให้เป็นปกติ ไม่เกิดอาการเห็นภาพซ้อน
6. หน่วยอื่นที่อาจพบได้เพิ่มเติม
นอกจากค่าพื้นฐานที่กล่าวมา ในการอ่านค่าสายตาอาจพบหน่วยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น PD (Pupillary Distance) ที่วัดระยะห่างระหว่างรูม่านตา, VA (Visual Acuity) ที่บอกความสามารถในการมองเห็น หรือ IPD (Interpupillary Distance) ที่วัดระยะระหว่างศูนย์กลางรูม่านตาทั้งสองข้าง
วิธีการอ่านค่าสายตาที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ
การอ่านค่าสายตาอาจดูซับซ้อนสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย แต่หากเข้าใจหลักการพื้นฐาน ก็สามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ไม่ยาก วันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการอ่านค่าสายตาแบบเป็นขั้นตอน เพื่อให้คุณเข้าใจสภาพสายตาของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
- ขั้นตอนที่ 1 อ่านค่า SPH (Sphere) ค่าแรกที่ต้องดูคือ SPH ซึ่งบ่งบอกถึงปัญหาสายตาพื้นฐาน หากเป็นค่าลบ (-) เช่น -2.00 หมายถึงสายตาสั้น 200 องศา แต่ถ้าเป็นค่าบวก (+) เช่น +1.50 หมายถึงสายตายาว 150 องศา ยิ่งตัวเลขมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีปัญหาสายตามากเท่านั้น
- ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบค่า CYL (Cylinder) และ Axis หากพบค่า CYL แสดงว่ามีสายตาเอียงร่วมด้วย เช่น CYL -0.75 Axis 180 หมายความว่ามีสายตาเอียง 75 องศา โดยค่า Axis 180 บ่งบอกว่าสายตาเอียงในแนวนอน หากเป็น 90 คือเอียงในแนวตั้ง ส่วนค่าระหว่าง 1-179 องศา คือการเอียงในองศาต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขด้วยเลนส์พิเศษ
- ขั้นตอนที่ 3 ดูค่า ADD สำหรับเลนส์โปรเกรสซีฟ ค่า ADD จะปรากฏเมื่อต้องใช้เลนส์สองชั้นหรือเลนส์โปรเกรสซีฟ เช่น ADD +2.00 หมายถึงต้องการกำลังขยายเพิ่ม 200 องศาสำหรับการมองระยะใกล้ ค่านี้มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาสายตายาวตามวัย ซึ่งต้องการความช่วยเหลือในการมองระยะใกล้เพิ่มเติม
สรุปบทความ
การอ่านค่าสายตาเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจสภาพสายตาของตนเองได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้นหรือสายตายาว การเข้าใจค่าสายตาจะช่วยให้เลือกเลนส์ได้เหมาะสมกับความต้องการ ORRA Progressive Lens Center พร้อมให้บริการตรวจสายตาและให้คำแนะนำในการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัย เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การมองเห็นที่ดีที่สุด