สายตาสั้นเป็นภาวะทางสายตาที่รบกวนการใช้ชีวิตของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยทำงานที่ต้องใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หลายคนอาจสงสัยว่า สายตาสั้นเท่าไหร่ถึงตาบอด และจะมีวิธีป้องกันอย่างไร วันนี้ ORRA จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาวะสายตาสั้นให้มากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลสายตาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น
Table of Contents
- สายตาสั้นมีกี่ระดับ
- สายตาสั้นเท่าไหร่ถึงตาบอด
- ผลข้างเคียงของภาวะสายตาสั้น
- ป้องกันอย่างไรไม่ให้เสี่ยงตาบอด
- สรุปบทความ
สายตาสั้นมีกี่ระดับ
ภาวะสายตาสั้นสามารถแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ตามความรุนแรง ซึ่งวัดจากค่าสายตาในหน่วยไดออปเตอร์ (Diopter) โดยยิ่งค่าติดลบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากขึ้นเท่านั้น มาดูกันว่าแต่ละระดับมีความรุนแรงแตกต่างกันอย่างไร
สายตาสั้นปกติ
สายตาสั้นระดับปกติ มีค่าอยู่ระหว่าง -0.25 ถึง -3.00 ไดออปเตอร์ เป็นระดับที่พบได้บ่อยที่สุดและสามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่แว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ ผู้ที่มีสายตาสั้นในระดับนี้มักสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เพียงแต่อาจมีอาการมองเห็นภาพไม่ชัดในระยะไกล หากไม่ได้สวมแว่นหรือคอนแทคเลนส์
สายตาสั้นมาก
สายตาสั้นระดับรุนแรงหรือสายตาสั้นมาก มีค่าตั้งแต่ -6.00 ไดออปเตอร์ขึ้นไป ผู้ที่มีสายตาสั้นในระดับนี้มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น จอประสาทตาเสื่อม จอประสาทตาหลุดลอก หรือต้อหิน จำเป็นต้องได้รับการติดตามดูแลจากจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
สายตาสั้นเท่าไหร่ถึงตาบอด
โดยทั่วไปแล้วสายตาสั้นที่มากกว่า -10.00 ไดออปเตอร์ ถือเป็นภาวะสายตาสั้นขั้นรุนแรงที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การเสื่อมของจอประสาทตาบริเวณจุดรับภาพชัด หรือการหลุดลอกของจอประสาทตา
โรคอื่น ๆ ที่เสี่ยงตาบอด
นอกจากภาวะสายตาสั้นแล้ว ยังมีโรคตาอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ เช่น โรคต้อหิน ที่ทำให้เกิดความดันในลูกตาสูงจนทำลายเส้นประสาทตา โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ที่ทำให้หลอดเลือดในจอประสาทตาผิดปกติ และโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย ซึ่งพบบ่อยในผู้สูงอายุ
ผลข้างเคียงของภาวะสายตาสั้น
ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นอาจเผชิญกับผลข้างเคียงหลายประการ เช่น ปวดศีรษะจากการเพ่งมองนาน ๆ อาการตาล้า ตาพร่า โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อการเรียน การทำงาน และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน รวมถึงความมั่นใจในการเข้าสังคม
ป้องกันอย่างไรไม่ให้เสี่ยงตาบอด
การป้องกันไม่ให้สายตาสั้นพัฒนาไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพตาในชีวิตประจำวัน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา ดังนี้
- พักสายตาสม่ำเสมอ ควรพักสายตาทุก 20 นาที โดยมองไกลออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที (กฎ 20-20-20) เพื่อลดความล้าของกล้ามเนื้อตา และป้องกันอาการเคืองตา
- ตรวจวัดสายตาประจำปี ควรเข้ารับการตรวจวัดสายตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของค่าสายตา และตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
- ใช้แสงสว่างที่เหมาะสม จัดสภาพแวดล้อมให้มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในที่มืด
สรุปบทความ
สายตาสั้นเป็นภาวะที่หลายคนอาจไม่เคยคาดคิดว่าจะสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ แม้ว่าสายตาสั้นเท่าไหร่ถึงตาบอดจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แต่การป้องกันด้วยการตรวจเช็คค่าสายตาเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตาก็เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าสายตาไม่ปกติ ORRA Progressive Lens Center พร้อมให้บริการตรวจสายตาและตัดเลนส์โปรเกรสซีฟคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลสุขภาพตาของคุณอย่างครบวงจร