เลนส์โปรเกรสซีฟ Zeiss เป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมันที่เน้นเรื่องคุณภาพของเลนส์สูง
และมีนวัตกรรมล่าสุด คือการพัฒนาตัวเคลือบผิวเลนส์มากถึง 9 ชั้น โดยทางแบรนด์เคลมว่าเลนส์แข็งแรง ทำความสะอาดง่าย และมีความทนทานสูง
จุดเด่น :
- เลนส์โปรเกรสซีฟ Zeiss มีความใสในเนื้อเลนส์สูงมาก ทำให้ผู้สวมใสรู้สึกถึงการมองเห็นที่เป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ใส่แว่นกั้นอยู่
- โครงสร้างหลักของเลนส์เป็นแบบ Hard Design ทำให้ผู้ใส่สามารถมองภาพได้คมชัดมาก
- มีนวัตกรรม Smartlife technology ที่เพิ่มระยะกลางใกล้ให้กว้างขึ้น เพื่อตอบโจทย์ในยุคดิจิตอล
สารบัญเนื้อหา
- ความเป็นมาของ ZEISS
- เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS มีกี่รุ่น และราคาเป็นอย่างไร
- ZEISS Light D
- ZEISS Light 3D
- ZEISS Progressive precision PURE
- ZEISS Progressive precision PLUS
- ZEISS Progressive precision SUPERB
- ZEISS Progressive INDIVIDUAL
- นวัตกรรมใหม่ Zeiss smartlife
- ราคาของเลนส์โปรเกรสซีฟ ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
- สารเคลือบผิวเลนส์ (COATING) และ OPTION เสริม
- โปรโมชั่นเดือนนี้
ความเป็นมาของ Zeiss
จากจุดเริ่มต้น ณ ห้องปฏิบัติการเล็กๆ ที่ประเทศเยอรมันนี ในปี ค.ศ. 1846 โดยหนุ่มชาวเยอรมัน ชื่อ (Carl Zeiss) ได้ทดลองผลิตเครื่องกลและอุปกรณ์ทางจักษุวิทยา ที่นำไปสู่การก่อตั้งบริษัท ZEISS ในปี 1866
โดยจับมือกับ Ernst Abbe นักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ ร่วมกันยกระดับเป็นผู้ประกอบการชั้นนำด้านเทคโนโลยี นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การพัฒนาวิทยาการที่หลากหลายทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ อุตสาหกรรม จนประสบความสำเร็จระดับสากลจวบจนปัจจุบัน
ZEISS ไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ยังมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ
โดยมีการจดทะเบียนการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของมูลนิธิ โดยมีพันธกิจหลักในการสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาวิทยาศาสตร์
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS มีกี่รุ่น และราคาเป็นอย่างไร
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS ที่ ORRA จะแบ่งเป็น 6 ระดับ ได้แก่ Basic, Good, Better, Best, Perfect และ Exclusive
เพื่อความสะดวกในการอธิบาย และช่วยให้คุณได้มองเห็นภาพง่ายขึ้น
โดยทุกรุ่นที่เราเลือกมา จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ ZEISS ในรุ่นนั้นๆ และขัดแบบ freeform หรือบางท่านเรียกว่า 3D ทุกรุ่น
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น BASIC
ชื่อรุ่น : ZEISS Light D :
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- โครงสร้างจะเน้นที่ไกลชัด
- โซนอ่านหนังสือสบายตา
- ด้วย power profile แบบใหม่ ลดการเคลื่อนไหวศรีษะเพื่อหาระยะที่เหมาะสม
- ปรับตัวง่าย เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานเลนส์โปรเกรสซีฟ
เหมาะสำหรับใคร? :
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาไม่ซับซ้อน เช่น ไม่มีสายตาเอียง
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตายาว +0.50D ถึง +1.00D
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS Light D
ราคาเริ่มต้น 6,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น GOOD
ชื่อรุ่น : ZEISS Light 3D
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- ลดภาพบิดเบือนด้านข้าง ให้โครงสร้างที่กว้างขึ้น
- มีกระจัดระเบียบการมองภาพด้วย 2 ตา
- มีการ optimize โครงสร้างโดยการคำนวณที่ละเอียดมากขึ้น
- มีการนำค่าสายตา และ Base curve มาคำนวณร่วมด้วย เพื่อให้ได้มุมมองกว้างและสบายตามากขึ้น
เหมาะสำหรับใคร? :
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ และต้องการแบบใช้ได้นาน “มุมมองธรรมชาติ”
- รุ่นนี้จะมีมุมมองกว้างกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟแบบ Basic
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตายาว +1.00D ถึง +1.25D
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียง -0.25D ถึง -0.75D
- เหมาะกับผู้ที่มี PD 60-65 mm (หากมากกว่าหรือน้อยกว่านี้แนะนำให้ใช้รุ่น BETTER)
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS Light 3D
ราคาเริ่มต้น 8,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น BETTER
ชื่อรุ่น : ZEISS Progressive precision PURE :
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- มีเทคโนโลยี Digital inside ที่ช่วยจัดโครงสร้างระยะกลาง-ใกล้ให้มองอุปกรณ์ดิจิทัลโดยไม่ต้องเงยหน้ามาก
- มีการปรับสมดุลของการเหลือบตาซ้าย-ขวา และบน-ล่าง อย่างสมดุล
- สามารถเลือก Base Curve ได้ถึง BC 8 รองรับค่าสายตาได้ค่อนข้างดี
- เลนส์ถูกขัดบางและเบาด้วยเทคโนโลยี Optima
เหมาะสำหรับใคร? :
- เหมาะกับผู้ที่เคยใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือใช้เป็นอันที่ 2
- เหมาะสำหรับท่านที่ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลบ่อยและนาน
- รุ่นนี้จะมีมุมมองกว้างกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟแบบ Good
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตายาว +1.25D ถึง +1.75D
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียง -0.75D ถึง -1.25D
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS precision PURE
ราคาเริ่มต้น 11,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น BEST
ชื่อรุ่น : ZEISS Progressive precision PLUS
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- มีการออกแบบโครงสร้างเพื่อรองรับค่าสายตาที่ค่อนข้างสูง เช่น ค่าสายตาสั้นเยอะ เอียงเยอะ ยาวเยอะ หรือคนที่มีค่าสายตาของดวงตาทั้ง 2 ข้างต่างกัน
- มีการไล่ค่าสายตาให้เหมาะสมกับดวงตาแต่ล่ะข้าง เพื่อให้ได้ความคมชัดทุกระดับการมอง
- มีการนำค่าสายตาทั้งสองข้องมาคำนวณร่วมกันเพื่อให้เกิดมุมมองที่สบายตาจากการใช้งานร่วมกันทั้งสองตา
เหมาะสำหรับใคร? :
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการมุมมองของภาพกว้างๆ และธรรมชาติ ภาพบิดเบือนด้านข้างน้อย
- รุ่นนี้จะมีมุมมองกว้างกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟแบบ Better
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตายาว +1.75D ถึง +2.00D
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้นมากกว่า -8.00D
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียง -1.25D ถึง -1.75D
- เหมาะกับผู้ที่สายตา 2 ข้างต่างกันมากกว่า 1.50D
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS precision PLUS
ราคาเริ่มต้น 14,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น PERFECT
ชื่อรุ่น : ZEISS Progressive precision SUPERB
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- โครงสร้างเฉพาะบุคคลขั้นสูงโดยถูกออกแบบมาให้รองรับรูปแบบการมองเห็นตามลักษณะบุคคลอย่างแท้จริง
- นำเอาค่าพารามิเตอร์เฉพาะบุคคลทั้ง 6 อย่างมาร่วมคำนวณในการออกแบบเลนส์ ซึ่งค่าเหล่านี้จะมีผลกับมุมมองความกว้างและความสบายของเลนส์โปรเกรสซีฟ ได้แก่
– Frame Data
– Pupilary Distance (PD)
– Fitting height
– Pantoscopic Angle
– Back Vertex Diatance
– Variable Corridor - มีการคำนวณโครงสร้างของเลนส์โปรเกรสซีฟอย่างแม่นยำ เพื่อให้มีความคมชัดทุกมุมมองและสบายตาเมื่อสวมใส่
- มีการคำนวณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองในระยะใกล้ ให้มองได้ง่ายและไม่หลอกตา
- เพิ่มมุมมองของภาพให้กว้างขึ้น ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนโซนจากมองไกลมายังมองใกล้ได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการวูบวาบได้เป็นอย่างดี
- ออกแบบเลนส์ให้มีมิติความชัดลึกของการเปลี่ยนค่าสายตา
- ออกแบบเลนส์ให้เข้าได้กับแว่นหลากหลายทรง โดยจะมีการคำนวนจากกรอบแว่นเมื่อสวมใส่อยู่บนหน้าว่าตำแหน่งอยู่บนหน้าแบบไหนที่จะให้มุมมองที่มองเห็นผ่านออกมารู้สึกสบายตาที่สุด เพื่อให้ผู้สวมใส่ทุกท่านได้ประสบการณ์ในการใช้งานกับโปรเกรสซีฟที่มีความเสถียรที่สุด
เหมาะสำหรับใคร? :
- เลนส์ในกลุ่มนี้จะเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล ที่มีความละเอียดสูง ต้องสั่งเลนส์แบบซับซ้อน และสามารถออกแบบได้ตามผู้ใช้
- เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียงมากกว่า -2.00D และองศาไม่ปกติ
- สามารถออกแบบพื้นที่การมองได้ เช่น หมอผ่าตัด ต้องการพื้นที่ระยะกลางเยอะๆ และมองใกล้ที่เกินมาตรฐาน
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS precision SUPERB
ราคาเริ่มต้น 26,990 บาท
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น EXCLUSIVE
ชื่อรุ่น : ZEISS Progressive INDIVIDUAL
เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ดีที่สุดจาก Zeiss ซึ่งสามารถรองรับทุกค่าสายตา กรอบทุกแบบ และมุมมองกว้างที่สุด พร้อมเทคโนโลยีที่ใส่เข้าไปในตัวเลนส์มากที่สุด
คุณสมบัติพิเศษของรุ่นนี้ :
- Precision Technology เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกระยะการมองจากการขัดผิวเลนส์แบบ Freeform และการเปลี่ยนระยะการมองจากไกล กลาง ใกล้ ได้อย่างลื่นไหล
- นำการเคลื่อนไหวตาไปคำนวณร่วมด้วย
- สามารถขัดเลนส์ให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้
- มีเทคโนโลยี Digital inside ที่ช่วยจัดโครงสร้างระยะกลาง-ใกล้ให้มองอุปกรณ์ดิจิทัลโดยไม่ต้องเงยหน้ามาก
- FrameFits Technology โดยให้อิสระแก่ลูกค้าในการเลือกกรอบแว่นได้ตามใจชอบ เพราะเทคโนโลยีนี้สามารถคำนวณการไล่ค่าสายตาจากไกลไปใกล้ได้อย่างเหมาะสมในกรอบแว่นนั้นๆ ได้
- Adaptation Control Technology เทคโนโลยีนี้ช่วยให้การปรับตัวในการใช้เลนส์ง่ายขึ้น ใช้ระยะเวลาน้อย การใส่เลนส์โปรเกรสซีฟครั้งแรกเป็นไปอย่างง่ายดาย
- FaceFits Technology คือการนำเอาค่าพารามิเตอร์เฉพาะบุคคลทั้ง 9 อย่างมาร่วมคำนวณในการออกแบบเลนส์ ซึ่งค่าเหล่านี้จะมีผลกับมุมมองความกว้างและความสบายของเลนส์โปรเกรสซีฟ
-
Luminance Design Technology เทคโนโลยีนี้จะนำค่าความกว้างของรูม่านตาของมาคำนวณในการทำเลนส์โปรเกรสซีฟออกมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ในทุกสภาวะแสง
-
IndividualFit Technology สามารถเลือกโครงสร้างของเลนส์ได้ตามไลฟ์สไตล์ เพราะการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งมี 3 แบบให้เลือกคือ
-
BALANCED : สำหรับท่านที่ใช้กิจกรรมหลากหลาย
-
INTERMEDIATE : สำหรับผู้ที่เน้นการใช้งานในระยะกลาง เช่น ใช้คอมพิวเตอร์เยอะและนาน หรือต้องเข้าประชุมบ่อยๆ
- NEAR : สำหรับผู้ที่เน้นระยะใกล้ และใช้ระยะเวลานาน
เหมาะสำหรับใคร? :
- เหมาะกับผู้ที่เป็น “perfectionist” คือต้องการมุมมองภาพแบบสมบูรณ์ที่สุด ความบิดเบือนด้านข้างน้อยที่สุด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ค่าสายตาซับซ้อน หรือค่าสายตาสองข้างต่างกันเยอะ (Anisometropia)
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตายาวสูง
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคมชัด มุมมองกว้างอย่างเป็นธรรมชาติ ใส่สบาย ปรับตัวได้ง่ายแม้ใส่ครั้งแรก
- เหมาะสำหรับท่านที่มีค่าพารามิเตอร์ ไม่ปกติ เช่น PD กว้าง,แคบ,สองข้างต่างกันเกิน 2 mm
เลนส์โปรเกรสซีฟ ZEISS Progressive INDIVIDUAL
ราคาเริ่มต้น 35,990 บาท
Zeiss ได้ทำการศึกษาและวิจัยด้วยเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเลนส์ตามรูปแบบการใช้งานของผู้บริโภคจริง
ในยุค 2020 พบว่า คนที่ใส่แว่นตาแล้วดู smartphone จะใช้พื้นที่บนเลนส์มากขึ้น ต้องการภาพที่คมชัดในพื้นที่นี้ที่มากขึ้น นั่นแปลว่าเลนส์จะต้องมี Distortion หรือความคลาดเคลื่อนน้อยลงเพื่อให้ได้พื้นที่ในการมองเห็นมากขึ้น
เลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อดวงตาของคนยุคดิจิทัลอย่าง Zeiss SmartLife นั้นเป็นทางเลือกสำหรับคนยุคนี้ แต่เนื่องจากเป็นเลนส์ที่ต้องตรวจวัดอย่างละเอียดจึงต้องได้รับคำแนะนำและดูแลโดนนักทัศนมาตรที่มีความเชี่ยวชาญ
ในเมืองไทยเลนส์ในตระกูล Zeiss SmartLife จึงมีจำหน่ายเฉพาะร้านแว่นตาที่ได้รับเลือกเท่านั้น
ราคาของเลนส์โปรเกรสซีฟ ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
1. ค่าสายตาของคุณ
เลนส์โปรเกรสซีฟ คือเลนส์ที่ไล่ระดับค่าสายตาจากบนไปล่าง โดยจะยึดที่จุดมองไกล ไล่ไปจุดมองใกล้
เช่น…..สายตาสั้น -2.00D และสายตายาว +1.50D จุดที่มองไกลจะเป็น -2.00D ไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ จนถึงจุดมองใกล้ที่สายตายาว +1.50D แปลว่าจุดที่มองใกล้สายตาตรงนั้นจะเป็น -0.50D
มีผลทำให้ :
- ไม่ว่าคุณจะมีสายตามากน้อยอย่างไร ทุกๆ ค่าสายตาก็จะไปอยู่ในเลนส์อันเดียวกันที่มีพื้นที่จำกัด
- นั่นแปลว่ายิ่งสายตามากๆ การไล่ระดับของค่าสายตาก็ยิ่งมากไปด้วย
- มีผลทำให้มุมมองแคบ เพราะด้านข้างของเลนส์มีความบิดเบือนสูง
ท่านที่มีสายตาเอียงมากกว่า -1.50D ควรเลือกรุ่นเลนส์โปรเกรสซีฟที่ออกแบบมาเพื่อสายตาเอียงโดยเฉพาะ
2. การใช้งานของคุณ
เลนส์โปรเกรสซีฟมี 3 โซนการมองคือ ไกล กลาง และ ใกล้ โดยรุ่นมาตรฐานก็จะผลิตออกมาแบบพื้นฐานที่ไม่ได้เน้นโซนใดโซนนึงเป็นหลัก และโซนกลางที่เป็นโซนสำหรับใช้คอมพิวเตอร์จะน้อยกว่าโซนอื่น
มีผลทำให้ :
ท่านที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 5 ชม.ต่อวัน อาจไม่เหมาะกับรุ่นมาตรฐาน เพราะจะต้องเงยคอช่วย ทำให้ปวดต้นคอได้เมื่อใช้ไปนานๆ หรือท่านที่ใช้คอมพิวเตอร์มาก หรือใช้งานโซนระยะกลางมากๆ เช่น
- พนักงานบัญชี ที่ต้องใช้งานระยะใกล้เพื่อดูเอกสาร และต้องใช้คอมพิวเตอร์ด้วยสับไปมา
- วิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ตลอด
- หมอฟันหรือหมอผ่าตัดที่ต้องใช้ระยะทำงานประมาณ 40 cm -1 m ตลอดทั้งวัน
- นักเทรดหุ้น หรือ คริปโต ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ หรือ smartphone เป็นเวลานานๆ
แนะนำให้เลือกเลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อระยะกลางกว้าง ซึ่งในปัจจุบันก็มีเลนส์หลายๆ รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในโซนนี้โดยเฉพาะ เช่น Zeiss smartlife หรือ Essilor รุ่น varilux x-series
3. การเพิ่ม option
เนื่องจากเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่ใส่ได้ตลอดเวลา บางท่านจึงต้องการให้เลนส์ตัวนี้สามารถป้องกันแดดและแสงอันตรายต่างๆ ได้ด้วย
โดยในปัจจุบันบริษัทเลนส์ก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเสริมเข้าไปในตัวเลนส์ได้
option เสริม :
- Multi-coat : ตัดแสง,กรองแสง,ป้องกันรอยขีดข่วน,ป้องกันน้ำ/ฝุ่น และป้องกัน UV
- High index : ย่อเลนส์ให้บางเพื่อความเบาและความสวยงาม
- Blue block : ลดแสงสีน้ำเงินที่เป็นอันตราย
- Auto lens : เปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่อออกแดด และเปลี่ยนกลับเป็นเลนส์ใสเมื่อเข้าที่ร่ม
- Drive coating : ลดแสงสะท้อน และเพิ่มความคมชัดในการขับรถตอนกลางคืน พร้อมทั้งลดแสงฟุ้งกระจาย
- Tinting : ย้อมสีเป็นแว่นกันแดดเต็มรูปแบบ
- Anti-bacterial coating : ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียบนพื้นผิวเลนส์ได้ถึง 99.99%
การเพิ่ม option ขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณ แนะนำให้สอบถามราคาก่อนนะคะ เลนส์แต่ละยี่ห้อการเพิ่ม option นี้ราคาจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในช่วงนั้นด้วยค่ะ
4. การย่อเลนส์ให้บาง
สำหรับท่านที่มีสายตาสั้นมากๆ เอียงมากๆ หรือยาวมากๆ อาจเป็นกังวลว่าเลนส์ที่ได้จะหนาเลยขอบไม่สวยงาม และทำให้มีน้ำหนักกดจมูกอีกด้วย
จึงมีเทคโนโลยี ย่อเลนส์ให้บางโดยมีตัวเลขกำหนด เรียกว่า index ยิ่งตัวเลขนี้สูงเลนส์ก็จะยิ่งบาง
index ที่ทำได้ :
- index 1.5 คือ เลนส์ความหนาปกติ เหมาะกับสายตาสั้น และเอียงไม่มาก
- index 1.6 คือ เลนส์ย่อบาง เหมาะกับสายตาสั้นรวมเอียง และยาวไม่เกิน 5.00D เพราะมีขนาดบางกว่าแบบแรก
- index 1.67 คือ เลนส์ย่อบางพิเศษ เหมาะกับสายตาสั้นรวมเอียง และยาวไม่เกิน 10.00D
- index 1.71 หรือ 1.74 คือ เลนส์ย่อบางสั่งพิเศษ สำหรับคนที่สั้นรวมเอียง และยาวเกิน 10.00D
index ยิ่งสูง ราคาเลนส์จะยิ่งแพง หากท่านไม่ต้องเพิ่ม index สูงๆ แนะนำให้เลือกกรอบแว่นที่เล็กลงจะช่วยได้ค่ะ^^
5. ประวัติการใช้เลนส์
แนะนำให้คุณนำแว่นเดิมติดตัวมาด้วย เพื่อเราจะได้ประเมินว่าคุณสามารถเปลี่ยนยี่ห้อหรือเปลี่ยนรุ่นเลนส์ได้หรือไม่
6. ความเฉพาะบุคคลของเลนส์โปรเกรสซีฟ
- การเลือกกรอบแว่นที่เกินค่ามาตรฐานของเลนส์โปรเกรสซีฟ เช่นการเลือกกรอบที่โค้งเกินไป เช่นกรอบสำหรับเล่นกีฬา
- การที่มีตำแหน่งตาดำน้อยกว่าหรือมากกว่าค่าปกติ
- การเลือกระยะทำงาน เช่นระยะใกล้ชัดปกติที่ 40 เซนติเมตร แต่คุณอาจถนัดที่ 30 เซนติเมตร
ค่าเหล่านี้นักทัศนมาตรต้องวัดให้คุณอย่างละเอียด เพื่อแนะนำเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ
สารเคลือบผิวเลนส์ (COATING) และ option เสริม
ZEISS DuraVision® Platinum
- เป็นสารเคลือบผิวเลนส์ หรือ multi-coat ของเลนส์ Zeiss ตัว TOP
- มีการเคลือบผิวเลนส์ถึง 9 ชั้นเพื่อให้เลนส์มีความแข็งแกร่งลดการการเกิดรอยที่ผิวเลนส์ได้
- เลนส์มีความใสมาก
- ผิวเลนส์ทำความสะอาดได้ง่ายลดการจับตัวของฝุ่นและคราบสกปรก
ราคา : ไม่ต้องเพิ่มเงิน
ZEISS DuraVision® Platinum + Blue Control
- ลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายเข้าสู่ดวงตา
- ปล่อยให้แสงสีฟ้าที่จำเป็นต่อร่างกายผ่านเลนส์ได้ปกติ
- เลนส์มีค่าความเหลืองน้อย เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น
ราคา : เพิ่ม 1,200 บาท
Photofusion
- เป็นสารเคลือบเปลี่ยนสีอัตโนมัติ เปลี่ยนได้ถึง 5 สี และสวยทุกสี
- เพื่อปกป้องดวงตาจากรังสี UV ที่ตอบสนองกับทุกสภาวะแสง
- ทำให้ผู้ที่ใช้สบายตา ทั้งยังให้มองเห็นสีเป็นธรรมชาติและแยกความแตกต่างของสีได้ดี อีกทั้งยังทนทานและป้องกันการขีดข่วน
ราคา : เพิ่ม 5,000-10,000 บาท
โปรโมชั่นเดือนนี้
เลนส์โปรเกรสซีฟ ราคาเริ่มต้น 6,990฿ ทุกยี่ห้อ
เลนส์โปรเกรสซีฟของ ORRA ทุกยี่ห้อราคาเริ่มต้นที่ 6,990฿ ไม่ว่าจะเป็น HOYA, Essilor,Nikon, Rodenstock และ Zeiss
และเรามีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ลองทุกยี่ห้อก่อนซื้อจริง ไม่ต้องห่วงว่าจะใส่ไม่ได้
คำถามที่พบบ่อย
หากจะถามว่าเลนส์โปรเกรสซีฟต้องใช้ยี่ห้อไหนถึงจะดี?? ผู้เขียนขอพูดถึงจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อ
โดยจะมีความแตกต่างกันทั้งด้านเทคโนโลยีและ knowhow ของแต่ละบริษัทที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือออกแบบเลนส์ให้รองรับกับผู้ใช้งานที่มีความชอบในการมองเห็นที่แตกต่างกัน
เลนส์โปรเกรสซีฟ สามารถเปลี่ยนสีได้ค่ะ โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีเฉดสีที่แตกต่างกันไปเช่น
- Transition Gen 8 สามารถเปลี่ยนได้ถึง 7 สี แบรนด์ที่สั่งทำได้คือ Essilor และ Nikon
- Photofusion สามารถเปลี่ยนได้ 5 สี แบรนด์ที่สั่งทำได้คือ Zeiss
เลนส์โปรเกรสซีฟเปลี่ยนสี ราคาเริ่มต้นที่ 8,990 บาทค่ะ
เรื่องของมุมมองกว้างนั้นขึ้นอยู่กับค่าสายตา และความพอใจของลูกค้าเป็นหลักเลยค่ะ
หากคุณลูกค้าต้องการเลนส์โปรเกรสซีฟที่มีมุมมองกว้างๆ ใช้ได้นานๆ เราก็ขอแนะนำเป็นรุ่น Better ค่ะ
เลนส์โปรเกรสซีฟ รุ่น BETTER ราคาโดยประมาณ 11,990-16,500฿
ที่ ORRA มีเลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่น ทุกแบรนด์ ให้คุณได้ทดลองใช้งาน ก่อนซื้อจริง คุณจะได้ลองเลยว่า เลนส์แต่ละรุ่นนั้นเหมาะกับคุณหรือไม่ ใส่แล้วมุมมองเป็นอย่างไร
และการทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟจะต้องทดลองอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อเป็นการปรับตัวและฝึกการโฟกัสผ่านเลนส์
ไม่ว่าจะเป็นการใส่เลนส์โปรเกรสซีฟทดลองเดิน อ่านหนังสือ ทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย เพื่อที่จะได้ดูว่าเลนส์โปรเกรสซีฟที่คุณเลือกมานั้นเหมาะสมกับคุณแล้วหรือยัง
WHY? CHOOSE ORRA
ทำไม? ต้องเลือก ORRA
"ตัดแว่นที่ ORRA ต้องคุ้มค่า"
เพราะเราใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้าที่มีคุณภาพ และบริการแบบ "FIRST CLASS SERVICE" ที่เน้นความพอใจของคุณเป็นหลัก
"ไม่ต้องกลัวเสียเงินฟรี"
ORRA เน้นตัดแว่นโปรเกรสซีฟให้ตอบโจทย์การใช้งานและแก้ปัญหาของคุณตามที่คุณต้องการ เพื่อให้คุณได้ใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่ใช้งานได้จริง 100%
"ORRA ใช้เครื่องมือตรวจเทคโนโลยีล่าสุด"
ORRA พัฒนาทักษะในด้านของคน และเครื่องมืออยู่เสมอ เพื่อให้แว่นตาโปรเกรสซีฟแต่ละอันมีความแม่นยำและละเอียดที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะทำได้
“กรอบแว่นตาของ ORRA ไม่ทำให้คุณดูแก่แน่นอน”
ORRA มีกรอบแว่นตาให้เลือกมากกว่า 2,000 แบบ โดยเน้นที่การใช้งานและความสวยงามต้องสอดคล้องกัน อีกทั้งเรายังมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมมาช่วยเลือกแว่นให้คุณ
กว่า 70% ของลูกค้า ORRA เป็นลูกค้าที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่มั่นใจและเชื่อใจใน ORRA บอกกันปากต่อปากจน ORRA เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน
“4 ขั้นตอน” ในการตัดแว่นโปรเกรสซีฟกับ ORRA
ยืนยันนัดหมาย
ORRA จะโทรยืนยันนัดหมายล่วงหน้า 1 วัน
พร้อมส่งข้อมูลการเตรียมตัวก่อนมาวัดสายตาให้ท่านทาง LINE@
ตรวจวัดสายตา
เราจะทำการตรวจวัดสายตาและให้คำปรึกษาต่อท่านประมาณ 45-90 นาที
โดยเรามีห้องตรวจ 3 ห้อง เพื่อให้ท่านได้รับบริการอย่างสมบูรณ์
นัดรับแว่นตา
ระยะเวลาในการผลิตและประกอบพร้อมตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งมอบให้ท่านประมาณ 10-14 วัน
ทางเราจะโทรแจ้งเมื่อแว่นถึงร้าน เพื่อนัดให้ท่านมารับ และบริการแนะนำการใช้งาน
บทสรุป :
เลนส์โปรเกรสซีฟ Zeiss นับว่าเป็นยี่ห้อเลนส์แว่นตาจากเยอรมัน ที่ทั่วโลกให้การยอมรับในเรื่องของเทคโนโลยีและคุณภาพการผลิตและสารเคลือบเลนส์ พร้อมทั้งเพิ่มนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใสนตัวเลนส์อยู่เสมอ
สิ่งสำคัญในการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟก็คือ คุณต้องได้ลองเลนส์นั้นจริงๆ ก่อนซื้อ
ซึ่ง ORRA เองก็มีเลนส์ให้คุณได้ทดลองทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นสูงสุด ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่า คุณจะต้องจ่ายเงินเกินจริง
เพื่อให้ท่านได้รู้เลยว่าเลนส์โปรเกรสซีฟที่ท่านจะใช้งานไปตลอด 3-4 ปีนี้มีมุมมองอย่างไร โครงสร้างของเลนส์ทำให้ท่านมองเห็นเป็นอย่างไร
ORRA เป็นศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟแห่งแรกในไทย ที่ต้องการให้ลูกค้าได้ใส่แว่นโปรเกรสซีฟที่ดีที่สุด ซึ่งแว่นโปรเกรสซีฟที่ดีนั้นต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง คือ หมอสายตาต้องมีประสบการณ์, เครื่องมือต้องแม่นยำ และบริการหลังการขายต้องชัดเจนและจริงใจ
ตัดแว่นทั้งทีต้องดีที่สุดนะคะ