หลายคนอาจคิดว่าการ ตรวจสายตา เป็นแค่การอ่านตัวอักษรบนแผ่นทดสอบ แต่ในความจริง การ ตรวจวัดสายตาแบบละเอียด คือกระบวนการที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก
เพราะไม่เพียงแค่ดูว่าคุณสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเท่าไหร่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการประเมินสุขภาพตาโดยรวม ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อตา และความสมดุลของการมองเห็นทั้งสองข้าง เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่แม่นยำที่สุด
การตรวจสายตาแบบละเอียดมักทำโดยนักทัศนมาตร ซึ่งจะใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการวัดค่า ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกับพฤติกรรมการใช้สายตาของแต่ละคน เช่น การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ การขับรถ หรือการอ่านหนังสือตลอดวัน เพื่อแนะนำเลนส์ที่ตอบโจทย์จริง
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่า ตรวจสายตาที่ไหนดี คำตอบคือควรเลือกศูนย์แว่นที่มีอุปกรณ์ครบ มีทีมผู้เชี่ยวชาญ และให้บริการตรวจแบบละเอียด เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อคุณภาพของเลนส์ที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน
รีวิวเครื่องมือทันสมัยที่ ORRA ใช้ในการตรวจวัดสายตา
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ ORRA ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าคือการใช้ เครื่องมือวัดสายตาที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้ผลการตรวจมีความแม่นยำสูง รวดเร็ว และปลอดภัย
เครื่องมือทุกชิ้นได้รับการ สอบเทียบค่าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผลการตรวจทุกครั้ง “ถูกต้องและเชื่อถือได้”
เครื่องมือหลักที่ ORRA ใช้
-
VR800 by Essilor
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด แม่นยำถึง 0.01D พร้อมตรวจความสมดุลของตาทั้งสองข้าง -
DNEye Scanner by Rodenstock (Germany)
วิเคราะห์โครงสร้างตา ตรวจสุขภาพตาเบื้องต้น และวัดความดันตา เพื่อค้นหาสาเหตุของความผิดปกติในการมองเห็น -
VISUFIT 1000 by Zeiss
วัดค่าพารามิเตอร์สำคัญของเลนส์โปรเกรสซีฟ พร้อมเทคโนโลยีจำลองการใส่แว่นแบบ 3D โดยไม่ต้องสัมผัส -
Impressionist by Rodenstock
ใช้สำหรับการวัดพารามิเตอร์เฉพาะบุคคล เพื่อออกแบบเลนส์โปรเกรสซีฟให้ตรงกับการมองเห็นจริงที่สุด -
Digital Phoropter by Topcon (Japan)
เครื่องตรวจสายตาดิจิทัลรุ่นใหม่ที่ให้ความละเอียดสูงและตรวจการทำงานร่วมกันของตาทั้งสองข้างได้อย่างแม่นยำ -
TrueView i by HOYA
ใช้สำหรับวัดค่าพารามิเตอร์ในการออกแบบเลนส์ HOYA รุ่นท็อป เพื่อการมองเห็นที่ชัดทุกระยะ -
OCULUS Universal Trial Frame UB 4 (Germany)
กรอบทดลองเลนส์ที่ปรับค่าพารามิเตอร์ได้ละเอียด เหมาะสำหรับทดลองเลนส์โปรเกรสซีฟจริงก่อนสั่งผลิต -
Trial Progressive Lens (ทุกแบรนด์)
ORRA มีเลนส์โปรเกรสซีฟให้ทดลองครบทุกแบรนด์ ทุกระดับราคา และทุกค่าสายตา เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจก่อนตัดสินใจ
ทำไมเครื่องมือเหล่านี้จึงสำคัญ
เพราะ เลนส์โปรเกรสซีฟแต่ละคู่ต้องอาศัยข้อมูลเฉพาะบุคคลที่ละเอียดมาก ตั้งแต่ค่าสายตา การใช้สายตาในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงองศาการหมุนศีรษะ การมีเครื่องมือครบและทันสมัยจึงช่วยให้
ผลลัพธ์ “คมชัด สบายตา ใส่แล้วปรับตัวง่าย”
และลดปัญหาแว่นไม่พอดีหรือมองเบี้ยวหลังใช้งาน
ขั้นตอนการตรวจวัดสายตาแบบละเอียด
เมื่อเข้าสู่การตรวจสายตาแบบละเอียด คุณจะพบว่าขั้นตอนทั้งหมดมีความเป็นระบบและพิถีพิถันกว่าการตรวจทั่วไป โดยทั่วไปแล้วจะประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลักดังนี้
1. ซักประวัติการใช้สายตาและสุขภาพตา ผู้ตรวจจะสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สายตา เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์กี่ชั่วโมงต่อวัน มีอาการปวดหัว ตาพร่าหรือไม่ รวมถึงประวัติการใช้คอนแทคเลนส์หรือโรคทางตาในครอบครัว เพื่อวางแนวทางการตรวจให้เหมาะสม
2. ตรวจค่าสายตาเบื้องต้นด้วยเครื่องอัตโนมัติ ขั้นตอนนี้ใช้เครื่อง Auto Refractor เพื่อดูค่าคร่าวๆ ว่ามีแนวโน้มสายตาสั้น ยาว หรือเอียงเท่าไหร่ เป็นการปูพื้นฐานก่อนเข้าสู่การวัดเชิงลึก
3. ตรวจค่าสายตาด้วยการทดสอบเลนส์จริง (Subjective Refraction) ในขั้นตอนนี้ ผู้ตรวจจะได้ทดลองใส่เลนส์หลายค่าเพื่อหาค่าที่มองชัดและสบายที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญจะเปรียบเทียบความชัดระหว่างเลนส์แต่ละคู่ เช่น “อันนี้ชัดกว่าหรืออันนั้นชัดกว่า” เพื่อให้ได้ค่าสุดท้ายที่แม่นยำ
4. ตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อตาและการโฟกัส บางคนอาจมีค่าสายตาปกติแต่กลับมองไม่ชัดหรือมีอาการล้า เพราะกล้ามเนื้อตาไม่สมดุล ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจการทำงานร่วมกันของตาทั้งสองข้าง และความสามารถในการโฟกัสภาพ
5. ประเมินผลและให้คำแนะนำในการเลือกเลนส์ หลังจากได้ค่าทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายผลตรวจสายตาอย่างละเอียด พร้อมแนะนำประเภทเลนส์ที่เหมาะกับการใช้งาน เช่น เลนส์เฉพาะทาง เลนส์โปรเกรสซีฟ หรือเลนส์พิเศษต่างๆ
ใครควรตรวจสายตาแบบละเอียด
แม้ว่าการ ตรวจสายตา จะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำเป็นประจำ แต่ “การตรวจวัดสายตาแบบละเอียด” จะเหมาะเป็นพิเศษสำหรับบางกลุ่ม ดังนี้
-
ผู้ที่ใช้สายตาตลอดวัน
เช่น พนักงานออฟฟิศ นักออกแบบ โปรแกรมเมอร์ หรือครู
มักมีอาการล้าตา หรือมองไม่ชัดในบางช่วงเวลา -
ผู้ที่ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์อยู่แล้ว
แต่รู้สึกว่าเลนส์ไม่ชัด หรือมีอาการปวดหัวบ่อย
ซึ่งอาจเกิดจากค่าสายตาที่เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว -
เด็กและวัยรุ่นที่เรียนออนไลน์
เป็นช่วงวัยที่ค่าสายตาเปลี่ยนเร็ว หากไม่ตรวจอย่างละเอียด
อาจทำให้มองเห็นไม่เต็มประสิทธิภาพและส่งผลต่อการเรียนรู้ -
ผู้สูงอายุ
ที่มีภาวะสายตายาวตามวัย หรือมีความเสี่ยงโรคทางตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน
การตรวจสายตาแบบละเอียดช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพตา และสามารถปรับค่าสายตาให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัยได้อย่างแม่นยำ หากยังไม่แน่ใจว่าจะ ตรวจสายตาที่ไหนดี ควรเลือกศูนย์ที่มีทีมผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัยครบวงจร
รีวิวความแม่นยำของผลตรวจสายตา
หัวใจสำคัญของการตรวจวัดสายตาแบบละเอียด คือ “ความแม่นยำ”
หลายคนที่เคยตรวจสายตาทั่วไปอาจพบว่า
เมื่อตัดแว่นมาแล้วมองไม่ชัดจริง หรือรู้สึกมึนหัวเมื่อต้องใส่นาน ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการวัดค่าที่ไม่ละเอียดเพียงพอ
การตรวจแบบละเอียดจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้มาก
เพราะมีการเก็บข้อมูลหลายด้าน ทั้ง
-
ค่าการโฟกัส
-
ความสมดุลระหว่างตาทั้งสองข้าง
-
การตอบสนองต่อเลนส์แต่ละชนิด
ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความแม่นยำสูง และใกล้เคียงกับค่าสายตาในชีวิตจริง
จากรีวิวของผู้ใช้บริการหลายรายพบว่า
หลังตรวจสายตาแบบละเอียดแล้ว เมื่อตัดแว่นใหม่จะรู้สึกมองชัด
และสบายตามากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีสายตาเอียงหรือค่าสายตาเปลี่ยนเล็กน้อย
ความละเอียดของการวัดช่วยให้เลนส์ที่ได้ “ตรงกับความต้องการจริง”
และลดอาการมึนหรือปวดตาเมื่อต้องใช้งานระยะยาว
ดังนั้น เวลาตัดสินใจว่าจะ ตัดแว่นที่ไหนดี
อย่ามองแค่ราคาหรือโปรโมชั่น
แต่ควรพิจารณาความเชี่ยวชาญของผู้ตรวจและคุณภาพของเครื่องมือด้วย
รีวิวการแนะนำเลนส์และกรอบแว่นที่เหมาะกับสายตา
หลังจาก ตรวจวัดสายตา แบบละเอียดเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือ “การเลือกเลนส์และกรอบแว่นที่เหมาะกับสายตา” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะใช้ข้อมูลจากผลตรวจมาประกอบการแนะนำอย่างละเอียด สำหรับเลนส์ จะมีหลายประเภทให้เลือกตามการใช้งาน เช่น
เลนส์ทั่วไป (Single Vision Lens) สำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น ยาว หรือเอียงแบบเดียว
เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens) เหมาะกับผู้ที่ต้องการมองได้ทั้งใกล้และไกลโดยไม่ต้องเปลี่ยนแว่น
เลนส์กรองแสงสีฟ้า (Blue Light Cut) สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือบ่อย เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา
เลนส์เปลี่ยนสี (Photochromic Lens) ที่สามารถปรับระดับความเข้มของเลนส์ตามแสงในสภาพแวดล้อม
ส่วนของ กรอบแว่น ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เพราะส่งผลต่อทั้งความสวยงามและความสบายเมื่อต้องใส่เป็นเวลานาน
-
คนที่มีใบหน้ากลม อาจเลือกกรอบเหลี่ยมเพื่อช่วยให้หน้าดูเรียวขึ้น
-
คนที่มีใบหน้าเรียวยาว เหมาะกับกรอบทรงกลมเพื่อเพิ่มสมดุล
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
เพราะจะช่วยแนะนำทั้งเลนส์และกรอบให้เหมาะกับการใช้งานจริง
รวมถึงวิธีดูแลรักษาแว่นให้ใช้งานได้ยาวนาน
สรุป
การตรวจวัดสายตาแบบละเอียด
ไม่ใช่แค่การดูว่าคุณ “สั้นหรือยาวเท่าไหร่”
แต่เป็นการดูภาพรวมของสุขภาพตา การทำงานของกล้ามเนื้อ
การโฟกัส และความสมดุลของการมองเห็นทั้งหมด
ผลตรวจที่ละเอียดช่วยให้ตัดแว่นได้ตรงจุด มองชัด และสบายตา
ลดอาการปวดตาและความล้าระหว่างวัน
หากคุณกำลังมองหาว่าจะ ตรวจสายตาที่ไหนดี หรือ ตัดแว่นที่ไหนดี
ควรเลือกศูนย์ที่มีเครื่องมือครบ ทีมผู้เชี่ยวชาญ
และให้บริการตรวจสายตาแบบละเอียด
เพราะสิ่งเหล่านี้คือ “การลงทุนเพื่อการมองเห็นที่ดีในระยะยาว”
การดูแลสายตาไม่ควรรอจนมองไม่ชัด
แต่ควรตรวจเช็กเป็นประจำทุกปี เพื่อรักษาความชัดใสของการมองเห็นไปนาน ๆ
เพราะสายตาแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน
ORRA จึงใช้ประสบการณ์กว่า 10 ปี
พัฒนา ORRA Signature Fit™
ระบบตรวจวัดสายตา ที่วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สายตา ไลฟ์สไตล์ และปัญหาที่คุณเผชิญ!
เพื่อให้คุณได้แว่นที่... “ใช่ที่สุด...สำหรับคุณจริงๆ”
เยี่ยมชมสาขาของเรา:
สาขารามคำแหง : CHIC HOME OFFICE Ram53
สาขาพระราม 6 : TIPCO TOWER ชั้น 5
สาขาประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ : THE COMMERCE
เปิดให้บริการ : ทุกวันเวลา 11.00-20.00น.
