ปวดตา ลักษณะอาการ สาเหตุ วิธีการป้องกันและวิธีการรักษา

ปวดตา อาการ

ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันที่มีการใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาเกิดอาการเมื่อยล้าผ่านอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น อาการปวดตา ตามัว หรือตาแห้ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาหากไม่มีการดูแลที่ดี

บทความนี้ ORRA จะพามารู้จักกับอาการ ปวดตา ที่ทุกคนคงเคยมีอาการนี้ไม่มากก็น้อย ว่าอาการปวดตาแบ่งออกเป็นกี่ลักษณะ จากนั้นจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของอาการปวดตาที่เกิดขึ้น และวิธีในการป้องกันหรือรักษาเมื่อเกิดอาการอีกด้วย

อาการปวดตา มีกี่ลักษณะ

อาการปวดตา เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ตามส่วนต่าง ๆ ของดวงตา เช่น กระจกตา เยื่อตา ม่านตา กล้ามเนื้อดวงตา เส้นประสาทในตา เบ้าตา ลูกตา และหนังตา โดยอาการปวดตาสามารถแบ่งได้เป็นหลากหลายลักษณะดังนี้

  • อาการปวดตาที่มีความเจ็บเหมือนโดนทิ่มแทง
  • อาการปวดแสบปวดร้อน
  • อาการปวดแบบตุบ ๆ
  • อาการปวดตาเมื่อมีแสงจ้า หรือตาไวต่อแสง
  • อาการปวดที่กระบอกตา
  • อาการปวดแบบตื้อ ๆ หรือมีความหนักบริเวณดวงตา
  • อาการปวดที่รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา เป็นต้น

ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้และมีสาเหตุมาจากหลากหลายสาเหตุ โดยสามารถจัดแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก ๆ ได้แก่

  1. สาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  2. สาเหตุจากการเจ็บป่วยทั้งโรคที่เกี่ยวกับดวงตาและโรคอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อดวงตา
  3. และสาเหตุอื่น ๆ โดยรายละเอียดที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
ปวดตา อาการ

สาเหตุการปวดตา

ที่เกิดจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิต

พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเรา มีหลากหลายกิจกรรมที่จะทำให้เกิดอาการปวดตาได้ เช่น
การอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ

  • แม้การอ่านหนังสือจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดการตาแห้งได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดตาได้
  • การใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้มีการแพ่ง การต่อสู้แสงของดวงตา และใช้สายตาที่หนักหน่วง ทำให้เกิดการล้าของตาได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดตา หรือตามัวได้
  • การสวมแว่นสายตาที่มีค่าสายตาไม่ตรงกับค่าสายตาที่แท้จริงของตนเอง การมองผ่านเลนส์ที่ผิดเพี้ยนอาจทำให้เกิดอาการปวดตาได้ รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการตามัว หรือปวดศีรษะร่วมด้วย
  • การอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่สวมแว่นกันแดด ซึ่งทำให้ตาของเราต้องเผชิญกับรังสี UV ที่อันตรายต่อดวงตา ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตาและอาการอื่น ๆ ที่ร้ายแรงตามมาด้วย
ปวดตา รักษา

วิธีป้องกันหรือรักษาการปวดตา

ที่เกิดจากการพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เมื่อเรารู้แล้วว่ายางกิจกรรมที่เราทำในชีวิตประจำวันมีผลอย่างมากต่อการเกิดอาการปวดตา

ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำ คือ การหาวิธีการในการป้องกันไม่ให้อาการเหล่านี้เกิดขึ้น หรือหาวิธีการในการรักษาเมื่อมีอาการ

โดยการป้องกันและการรักษามีอยู่หลากหลายวิธีการ เช่น

  • เมื่อต้องอ่านหนังสือ ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ควรพักสายตาระหว่างการทำกิจกรรมอยู่เรื่อย ๆ ในทุก 20 – 30 นาที โดยอาจพักด้วยการหยุดทำกิจกรรมแล้วหันสายตาไปยังที่อื่น ๆ แล้วกระพริบตาให้ถี่ขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา หรือจะหลับสาประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที ก็ได้
  • สวมแว่นสายตาที่พอดีกับค่าสายตา โดยการตัดแว่นสายตากับผู้เชี่ยวชาญและเป็นแว่นที่สั่งตัดเพื่อทำให้แว่นสายตาอันนั้นเหมาะสมกับค่าสายตาของเราอย่างพอดี และให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่เกิดปัญหาและมีประสิทธิภาพ
  • สวมแว่นกันแดด เมื่อต้องอยู่ข้างนอกและต้องพบเจอแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ เพื่อป้องกันดวงตาจากรังสีที่เป็นอันตราย
  • หยอดน้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กั

ซึ่งอาการปวดตาที่มีสาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะสามารถหายเองได้ จากการพักผ่อน หรือการรักษาเบื้องต้นด้วยตนเอง แต่หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น การปวดที่นานเกิน 2 วัน มีความปวดเพิ่มมากขึ้น เกิดอาการตามัว หรือมองไม่เห็น หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์โดยทันที

บรรเทา อาการปวดตา

สาเหตุอาการปวดตา

ที่มีสาเหตุจากการเจ็บป่วย

อาการปวดตาที่มีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วยมีหลากหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยที่เป้นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา หรือเป็นโรคที่ส่งผลข้างเคียงต่อดวงตาดังนี้

  • โรคตาอักเสบ

ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียที่บริเวณดวงตา ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมารวมถึงอาการปวดตาด้วย

  • โรคไข้หวัด

เป็นโรคที่สามารถส่งผลต่อดวงตาได้ โดยอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาการตาแดง ปวดเบ้าตา เป็นต้น

  • ค่าสายตาผิดปกติ

หลายคนที่มีค่าสายตาที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง เมื่อไม่ได้มีการดูแลหรือแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธีมักทำให้เกิดอาการตามัว และส่งผลให้เกิดการปวดตาตามมาในภายหลัง

  • โรคต้อหินชนิดเฉียบพลัน

ซึ่งเป็นโรคที่ถือว่ามีความร้ายแรงและอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้

  • โรคภูมิแพ้

เมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ การแสดงออกของอาการแพ้อาจเกิดขึ้นที่ดวงตาได้เช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

  • โรคไมเกรน

เป็นอาการปวดหัวที่สามารถส่งผลกระทบมายังดวงตาซึ่งเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกัน จึงทำให้เกิดอาการปวดตาได้

วิธีป้องกันหรือรักษาการปวดตาที่เกิดจากการเจ็บป่วย

วิธีการป้องกันหรือวิธีการรักษาอาการปวดตาที่มีสาเหตุจากโรคหรือการเจ็บป่วย จะขึ้นอยู่กับแต่ละโรคที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น

  • เมื่อมีอาการปวดตาอันเนื่องมาจากค่าสายตาที่ผิดปกติ

สามารถใส่แว่นสายตาที่เหมาะสมกับค่าสายตาได้ และป้องกันการเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อค่าสายเปลี่ยนไปโดยการเข้าพบทัศนมาตรหรือหมอสายตาเป็นระยะ ๆ

  • เมื่อเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตาให้ใช้วิธีการรักษาโดยไปพบจักษุแพทย์

เพื่อทำการรักษาต่อไป ส่วนวิธีการป้องกันนั้นสามารถควบคุมหรือป้องกันปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดโรคเหล่านั้นได้ โดยควรพบจักษุแพทย์เป็นระยะ เพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวกับตาบางโรค เช่น โรคต้อหิน อาจไม่ปรากฏอาการใด ๆ เลยในช่วงแรก เป็นต้น

  • เมื่อเป็นโรคที่ไม่เกี่ยวกับดวงตา

สามารถรักษาตามโรคต้นเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดตา แต่อาการไม่ทุเลาลงหรือรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุ และรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ โดยทันที

สาเหตุการปวดตาจากสาเหตุอื่น ๆ

นอกจากสาเหตุของการเกิดอาการปวดตาทั้ง 2 สาเหตุที่กล่าวไป อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น

  • สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา จนทำให้เกิดอาการปวดตา ซึ่งวิธีการรักษาเราสามารถล้างตาด้วยน้ำสะอาด เพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอมและอาจช่วยบรรเทาอาการปวดตาได้ แต่หากไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน
  • ดวงตาได้รับบาดเจ็บ เช่น เป็นแผล ถูกไฟไหม้ หรือโดนวัตถุกระเด็นเข้าตาจากอุบัติเหตุ ซึ่งสามารถรักษาด้วยการพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาและติดตามอาการต่อไป
ปรึกษาเรื่องสายตา

บทสรุป : 

จะเห็นได้ว่าอาการปวดตาเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุจะมีวิธีการของการป้องกันและการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญต่อดวงตาของเราเองก่อนที่จะเกิดปัญหาซึ่งทำได้โดยการไปพบจักษุแพทย์ หรือนักทัศนมาตรหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหมอสายตา เพื่อประเมินสุขภาพของดวงตา เพื่อให้สามารถดูแลดวงตาและใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมต่อไป

หรือหากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือต้องการรับคำปรึกษา มาหาเราที่ ORRA ศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00น. ทักเราที่นี่ค่ะ LINE:@orra-od