หลายคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมเราไม่สามารถใช้ค่าสายตาจากแว่นตาไปซื้อคอนแทคเลนส์ได้ทันที ทั้งที่เป็นปัญหาสายตาเดียวกัน ความจริงแล้วค่าสายตาคอนแทคเลนส์กับแว่นตานั้นมีความแตกต่างกันในรายละเอียดที่สำคัญหลายอย่าง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความคมชัดและความสบายในการสวมใส่ แล้วทำไมถึงไม่เท่ากัน? แบบนี้ต้องวัดสายตาอย่างไร? วันนี้ ORRA Progressive Lens Center จะมาอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียด เพื่อให้คุณดูแลดวงตาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด
สารบัญ
- ทำไมค่าสายตาบนแว่นตา ถึงใช้กับคอนแทคเลนส์ไม่ได้
- ใบสั่งคอนแทคเลนส์ มีค่าอะไรบ้างที่แว่นตาไม่มี
- สายตาเอียง (Astigmatism) ในคอนแทคเลนส์กับแว่นตาก็ต่างกัน
- อันตราย! อย่าแปลงค่าสายตาจากแว่นเป็นคอนแทคเลนส์เอง
- วิธีที่ถูกต้องในการวัดสายตาเพื่อตัดคอนแทคเลนส์
- สรุปบทความ
ทำไมค่าสายตาบนแว่นตา ถึงใช้กับคอนแทคเลนส์ไม่ได้?
ความเชื่อที่ว่าใบสั่งตัดแว่นตาสามารถนำไปใช้กับคอนแทคเลนส์ได้เลยนั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง เพราะโครงสร้างและตำแหน่งการใช้งานของอุปกรณ์ทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าสายตาคอนแทคเลนส์กับแว่นตาไม่สามารถใช้แทนกันได้ มีดังนี้
ระยะห่างจากกระจกตา (Vertex Distance)
นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด แว่นตาจะวางอยู่บนดั้งจมูก โดยมีระยะห่างจากกระจกตาประมาณ 12 มิลลิเมตร ในขณะที่คอนแทคเลนส์จะแนบสนิทไปกับผิวของกระจกตาโดยตรง ระยะห่างที่ต่างกันนี้ส่งผลให้ “กำลังของเลนส์” (Lens Power) ที่ดวงตาต้องการนั้นเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีค่าสายตาสั้นหรือยาวมากๆ ค่าที่คำนวณได้สำหรับแว่นตาและคอนแทคเลนส์จะยิ่งแตกต่างกันมากขึ้น
การครอบคลุมการมองเห็น
คอนแทคเลนส์จะเคลื่อนที่ไปพร้อมกับการกลอกตา ทำให้มองเห็นภาพในมุมกว้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีกรอบแว่นมาบดบังสายตา ต่างจากแว่นตาที่เลนส์จะถูกยึดอยู่กับที่ ทำให้การมองเห็นบริเวณขอบภาพอาจมีการบิดเบือนเล็กน้อย
ปัจจัยเฉพาะของดวงตาแต่ละบุคคล
คอนแทคเลนส์ต้องสัมผัสกับดวงตาโดยตรง จึงจำเป็นต้องมีค่าเฉพาะที่เหมาะสมกับสรีระของดวงตาแต่ละคน เช่น ความโค้งของกระจกตาและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ซึ่งไม่มีระบุไว้ในใบสั่งตัดแว่นตา
ปัญหาสายตาเอียง
การคำนวณค่าสายตาเอียงสำหรับคอนแทคเลนส์ชนิดแก้ไขสายตาเอียง (Toric Contact Lenses) มีความซับซ้อนกว่า เพราะเลนส์ต้องอยู่ในองศาที่ถูกต้องตลอดเวลา การใช้ค่าจากแว่นตาโดยตรงจึงมักทำให้มองเห็นภาพซ้อนหรือไม่คมชัด
ใบสั่งคอนแทคเลนส์ มีค่าอะไรบ้างที่แว่นตาไม่มี?
ใบสั่งค่าสายตาสำหรับคอนแทคเลนส์นั้นมีรายละเอียดมากกว่าใบสั่งตัดแว่นตาอย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้สวมใส่จะได้รับทั้งความคมชัดและความสบายสูงสุด โดยมีค่าเฉพาะที่สำคัญดังต่อไปนี้
BC (Base Curve): ความโค้งที่ต้องพอดีกับดวงตา
BC หรือ Base Curve คือค่าความโค้งของพื้นผิวด้านในของคอนแทคเลนส์ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (mm) ค่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะต้องสอดคล้องกับความโค้งของกระจกตา (Cornea) ของผู้สวมใส่แต่ละคน หากเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีค่า BC โค้งน้อยเกินไป (แบนไป) เลนส์จะหลวมและขยับไปมาได้ง่าย ทำให้ภาพที่เห็นไม่นิ่งและอาจสร้างความระคายเคือง ในทางกลับกัน หากเลนส์โค้งมากเกินไป (แน่นไป) จะทำให้อากาศและน้ำตาไหลเวียนได้ไม่ดี ส่งผลให้ตาแห้ง ขาดออกซิเจน และอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่กระจกตาได้
DIA (Diameter): ขนาดที่ใช่เพื่อความสบายสูงสุด
DIA หรือ Diameter คือค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของคอนแทคเลนส์ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (mm) เช่นกัน ขนาดของเลนส์จะต้องใหญ่พอที่จะครอบคลุมกระจกตาทั้งหมดได้อย่างพอดี เพื่อให้เลนส์อยู่ตรงกลางดวงตาและเคลื่อนไหวได้อย่างเหมาะสม หากเลนส์มีขนาดเล็กเกินไป ขอบเลนส์อาจเสียดสีกับเปลือกตาทำให้ไม่สบายตา แต่ถ้าใหญ่เกินไปก็อาจทำให้ใส่และถอดยาก รวมถึงอาจกดทับหลอดเลือดบริเวณตาขาวได้ นักทัศนมาตรหรือจักษุแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกขนาดที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณ
Material & Brand: ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้
วัสดุที่ใช้ผลิตคอนแทคเลนส์มีผลโดยตรงต่อสุขภาพดวงตา โดยเฉพาะเรื่องการซึมผ่านของออกซิเจน (Oxygen Permeability) และปริมาณน้ำ (Water Content) วัสดุยอดนิยมอย่าง Silicone Hydrogel จะยอมให้ออกซิเจนผ่านเข้าสู่ดวงตาได้สูง เหมาะสำหรับผู้ที่ตาแห้งง่ายหรือใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน นอกจากนี้ คอนแทคเลนส์แต่ละยี่ห้อก็มีเทคโนโลยีการผลิตและดีไซน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในใบสั่งคอนแทคเลนส์จึงมักระบุยี่ห้อและรุ่นที่ผ่านการทดลอง (Fitting) แล้วว่าเหมาะสมกับดวงตาของคุณที่สุด
สายตาเอียง (Astigmatism) ในคอนแทคเลนส์กับแว่นตาก็ต่างกัน
สำหรับผู้ที่มีสายตาเอียง ความแตกต่างของค่าสายตาคอนแทคเลนส์กับแว่นตาจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นไปอีก ในแว่นตา เลนส์จะถูกยึดนิ่งอยู่กับที่ ทำให้การแก้ไขค่าองศาของสายตาเอียง (Axis) ทำได้อย่างแม่นยำ แต่สำหรับคอนแทคเลนส์ชนิดแก้ไขสายตาเอียง (Toric) ตัวเลนส์จะต้องถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีระบบถ่วงน้ำหนัก (Stabilization System) เพื่อให้เลนส์คงอยู่ในองศาที่ถูกต้องเสมอแม้จะมีการกะพริบตาหรือกลอกตา การคำนวณค่ากำลังของสายตาเอียง (Cylinder) และองศา (Axis) สำหรับคอนแทคเลนส์จึงอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนจากค่าบนแว่นตาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การมองเห็นที่ดีที่สุด
อันตราย! อย่าแปลงค่าสายตาจากแว่นเป็นคอนแทคเลนส์เอง
การนำใบสั่งตัดแว่นไปหาซื้อคอนแทคเลนส์ตามร้านค้าออนไลน์หรือร้านทั่วไปโดยไม่มีการ ตรวจสายตา และทำเลนส์ฟิตติ้งโดยผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพดวงตาอย่างร้ายแรง เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ดังนี้
- การมองเห็นที่แย่ลง: ค่าสายตาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้การมองเห็นไม่คมชัดเท่าที่ควร อาจมีอาการภาพเบลอ ภาพซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอาจเป็นอันตรายเมื่อต้องขับขี่ยานพาหนะ
- อาการไม่สบายตาและปวดศีรษะ: เมื่อดวงตาต้องเพ่งเพื่อปรับภาพให้ชัดอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา ปวดกระบอกตา และอาจลามไปถึงอาการปวดศีรษะเรื้อรังได้
- กระจกตาเป็นแผลหรือติดเชื้อ: นี่คือความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุด การใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่พอดีกับความโค้งของดวงตา (BC ไม่ถูกต้อง) จะทำให้เลนส์เสียดสีกับกระจกตาจนเกิดเป็นแผลถลอก ซึ่งเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้าไปทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงและอาจส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้
- ภาวะตาแห้งรุนแรง: เลนส์ที่แน่นเกินไปจะขัดขวางการไหลเวียนของน้ำตา ทำให้ตาแห้ง ระคายเคือง และรู้สึกไม่สบายตาตลอดเวลาที่สวมใส่
วิธีที่ถูกต้องในการวัดสายตาเพื่อตัดคอนแทคเลนส์
เพื่อให้ได้ค่าสายตาคอนแทคเลนส์กับแว่นตาที่ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับดวงตาของคุณที่สุด ควรทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและต้องการความแม่นยำสูง
ขั้นตอนที่ 1: พบนักทัศนมาตรหรือจักษุแพทย์
เริ่มต้นจากการเข้ารับการตรวจสุขภาพดวงตาอย่างละเอียดกับนักทัศนมาตร (Optometrist) หรือจักษุแพทย์ (Ophthalmologist) ไม่ใช่แค่การวัดค่าสายตา แต่ยังรวมถึงการตรวจหาโรคตาอื่นๆ ที่อาจเป็นข้อห้ามในการใส่คอนแทคเลนส์ เช่น ภาวะตาแห้งรุนแรง กระจกตาอักเสบ หรือภูมิแพ้ที่ตา
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจวัดและทดลองเลนส์ (Lens Fitting)
หลังจากตรวจสุขภาพตาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวัดค่าความโค้งของกระจกตา (Keratometry) เพื่อหาค่า BC และวัดขนาดกระจกตาเพื่อหาค่า DIA ที่เหมาะสม จากนั้นจะเลือกคอนแทคเลนส์ทดลอง (Trial Lenses) ที่มีค่าสายตาและค่าเฉพาะต่างๆ ใกล้เคียงที่สุดให้คุณได้ทดลองใส่ เพื่อประเมินการตอบสนองของดวงตา ความสบายในการสวมใส่ และความคมชัดในการมองเห็น
ขั้นตอนที่ 3: รับใบสั่งคอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง
เมื่อผ่านการทดลองและประเมินผลจนได้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะออกใบสั่งคอนแทคเลนส์ฉบับสมบูรณ์ให้ ซึ่งจะระบุค่าสายตา (Power), ค่าความโค้ง (BC), ค่าเส้นผ่านศูนย์กลาง (DIA), รวมถึงยี่ห้อและรุ่นของคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ เพื่อนำไปใช้ซื้อคอนแทคเลนส์คู่ใหม่ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
สรุปบทความ
โดยสรุปแล้วค่าสายตาคอนแทคเลนส์กับแว่นตาไม่สามารถใช้แทนกันได้ เนื่องจากความแตกต่างของระยะห่างจากดวงตาและค่าพารามิเตอร์เฉพาะที่จำเป็นต่อความพอดีและความปลอดภัย การเลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องจำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจวัดและฟิตติ้งโดยนักทัศนมาตรหรือจักษุแพทย์เท่านั้น สำหรับท่านใดที่มีปัญหาสายตาซับซ้อน หรือกำลังมองหาร้านตัดแว่นสายตาใกล้ฉันที่เชี่ยวชาญและไว้ใจได้ ORRA Progressive Lens Center เราพร้อมให้บริการตรวจวัดสายตาและให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณได้รับแว่นตาโปรเกรสซีฟที่ดีที่สุด รวมถึงคำแนะนำที่ถูกต้องในการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณ