การเตรียมตัวก่อนไปตรวจสายตา

วิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การใส่แว่นสายตานั่นเอง หรือการตัดแว่นโปรเกรสซีฟ แต่รู้หรือไม่? บางคนไม่รู้ว่าตนเองมีปัญหาสายตายาว หรือรู้แต่ไม่ว่ามีปัญหานี้อยู่แต่ไม่ทราบว่าสายตายาวเท่าไหร่ ควรใส่แว่นสายตา 

เป็นปกติที่เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้นร่างกายก็จะเริ่มถดถอยลง หรือในบางครั้งร่างกายของบางคนที่มีอายุไม่มากก็อาจมีความปิดปกติเกิดขึ้นได้มาตั้งแต่แต่เกิดหรือจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในภายหลัง

หนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างมากก็คือดวงตาของเรา ที่ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยสิ่งที่เรามักใช้ในการประเมินว่าดวงตาของเรามีความผิดปกติหรือไม่ก็คือสายตาหรือความสามารถในการมองเห็นนั่นเอง

การตรวจสายตาจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อทุกคน และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของการตรวจสายตาก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อนไปตรวจสายตาให้พร้อม

การตรวจสายตา คืออะไร

การตรวจสายตา คือ การตรวจสอบความสามารถหรือประสิทธิภาพการมองเห็นของเราในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาการมองเห็นที่เกิดขึ้นด้วย

เพื่อที่จะหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดแล้วสามารถช่วยให้ความสามารถหรือประสิทธิภาพการมองเห็นดีขึ้นจนไม่เป็นปัญหาในการดำเนินชีวิต

โดยวิธีการตรวจสายตาก็มีอยู่หลากหลายวิธี ตั้งแต่การตรวจสอบสุขภาพดวงตาเบื้องต้น การทดสอบระยะการมองเห็นด้วยการอ่านป้าย การวัดความดันลูกตาด้วยเครื่องวัดความดันลูกตา หรือการวัดสายตาด้วยเครื่องวัดสายตา เป็นต้น

โดยผู้ที่จะทำการตรวจสายตาให้กับท่านคือนักทัศนมาตรหรือหมอสายตาที่เชี่ยวชาญด้านระบบการมองเห็นของมนุษย์นั่นเอง

การเตรียมตัวก่อนไปตรวจสายตา

สำคัญอย่างไร

สำหรับใครหลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยไปตรวจสายตามาก่อนนี่เป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างมากที่ท่านควรรู้เพื่อที่จะทำให้การตรวจสายตาของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เนื่องจากการตรวจสายตามีหลายขั้นตอนและต้องให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นมากมายแก่นักทัศนมาตร

ดังนั้นหากขาดการเตรียมตัวที่ดีก่อนไปตรวจสายตาคุณอาจหลงลืมอะไรไปบางอย่างจนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการตรวจสายตาได้ หรืออาจปรับตัวยากกับแว่นอันใหม่ได้

โดยเฉพาะเลนส์โปรเกรสซีฟ ที่มีความซับซ้อนอย่างมาก ต้องใช้ข้อมูลหรือกิจกรรมส่วนตัวของผู้ใส่อย่างเฉพาะเจาะจง

สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ก่อนวันที่ท่านไปตรวจสายตา ควรนอนให้เพียงพอ มากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อป้องกันอาการตาแห้ง และการตอบสนองต่างๆ ที่ดีมากยิ่งขึ้น

ประวัติการตรวจสายตา

หากท่านเคยไปตรวจสายตามาแล้วท่านจะมีประวัติการตรวจสายตาที่ถูกบันทึกไว้ โดยหากท่านไปตรวจสายตา ณ ร้านแว่นสายตาแห่งเดิมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำประวัติการตรวจสายตาไปด้วย

แต่หากไปที่ร้านแว่นสายตาท่านจะต้องนำประวัติการตรวจสายตาไปด้วยเนื่องจากร้านแว่นสายตาใหม่จะยังไม่มีประวัติการตรวจสายตาของท่านนั่นเอง

หรือหากท่านไม่มีประวัติการตรวจสายตา ท่านควรบันทึกทุกครั้งที่คุณประสบปัญหาการมองเห็น เช่น ปวดศีรษะ มองเห็นไม่ชัด ไวต่อแสง การรับรู้เชิงลึกไม่ดี เป็นต้น

โดยบันทึกทั้งอาการ เวลาและความถี่ที่เกิดขึ้น ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น กิจกรรมใดที่บรรเทาหรือแย่ลง อาการเหล่านี้ ข้อมูลนี้จะช่วยให้นักทัศนมาตรระบุสาเหตุของอาการของท่านได้ง่ายขึ้น ทำให้ท่านมีแว่นสายตาที่ตรงตามความต้องการของท่านมากที่สุด

 ประวัติสุขภาพเกี่ยวกับสายตาของครอบครัว

เนื่องจากปัญหาโรคบางชนิด จะมีผลต่อสายตาซึ่งโรคดังกล่าวสามารถส่งต่อได้ทางพันธุกรรมได้ หากพ่อ แม่ ปู่ ยา ตา ยาย มีปัญหาทางโรคบางชนิดลูกหรือหลานก็จะมีโอกาสที่จะมีปัญหาสายตาตามไปด้วยไม่ว่าจะส่งผลมากหรือน้อยก็ตาม

ดังนั้นก่อนที่จะไปตรวจสายตาลองถามพ่อแม่และปู่ย่าตายายของท่านว่าพวกเขามีหรือเคยมีโรคประจำตัวหรือไม่ เช่น ต้อหิน เบาหวาน เป็นต้น

โดยข้อมูลนี้จะช่วยให้นักทัศนมาตรสามารถหาสาเหตุของปัญหาสายตาได้ง่ายขึ้น และสามารถประเมินความเสี่ยงของท่านต่อโรคตาได้อีกด้วย

เพื่อและนำหรือทำการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องได้ต่อไป เพราะหากเป็นโรคตาแม้จะใส่แว่นก็จะไม่ทำให้โรคเหล่านั้นหายไปนั่นเอง

แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่

หากท่านต้องการตรวจสายตาเพื่อตัดแว่นสายตา การเตรียมตัวก่อนไปตรวจสายตาของท่าน คือ ท่านต้องนำเอาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไปด้วย

หรือเลนส์บางประเภทเช่นเลนส์โปรเกรสซีฟ จะมีการ์ดค่าสายตา หรือใบรับประกันเลนส์ แนะนำให้ท่านนำมาด้วย

เพื่อที่นักทัศนมาตรจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าทำไมท่านจึงมีปัญหาสายตาแม้จะใส่แว่นสายตาหรือตอนแทคเลนส์เหล่านี้

เมื่อหลังจากการตรวจสายตาเป็นที่เรียบร้อย และจะสามารถแนะนำการตัดแว่นสายตาที่เหมาะสมที่สุดให้กับท่านได้

 แว่นสายตาที่ต้องการ

สิ่งสุดท้ายในการเตรียมตัวก่อนไปตรวจสายตา หากท่านต้องการตัดแว่นสายตาท่านต้องหาข้อมูลและคิดไว้ในใจเบื้องต้นก่อนว่าท่านต้องการแว่นสายตาเลนส์แบบใด เช่น เลนส์ชั้นเดียว เลนส์สองชั้น หรือเลนส์โปรเกรสซีฟ เป็นต้น

หรือต้องการฟังก์ชั่นการทำงานอะไรของแว่นสายตา เช่น การป้องกันรังสี UV การป้องกันแสงสีฟ้า หรือการเคลือบให้เลนส์ทนต่อการเกิดรอยขีดข่วน หรือเลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ เป็นต้น

หรือกิจกรรมที่ใช้เป็นประจำที่สำคัญๆ เช่น

• ใช้คอมพิวเตอร์วันละกี่ชั่วโมง
• ชนิดของคอมพิวเตอร์ PC หรือ Laptop
• ขับรถกลางคืนบ่อยไหม
• งานที่ท่านทำเป็นหลัก เช่น ผ่าตัด ทำฟัน ทำบัญชี มากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน
• indoor หรือ outdoor มากกว่ากัน

ข้อมูลเหล่านี้สำคัญมากๆ ในการตัดแว่นสายตา เมื่อท่านให้ข้อมูลของท่านอย่างละเอียด นักทัศนมาตรก็สามารถแนะนำแว่นตาที่ตรงต่อความต้องการของท่านอย่างมากที่สุด เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด