5 พฤติกรรมที่ทำให้สายตาแย่ลง โดยไม่รู้ตัว

สายตาแย่ลง

หลายคนคิดว่า สายตาแย่ลง เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำทุกวันต่างหากที่เร่งให้การมองเห็นถดถอย

หากปล่อยไว้ สายตาแย่ลง จนอาจต้องเปลี่ยนแว่นถี่ขึ้น เกิดอาการมองไม่ชัด เวียนหัว และตาล้าได้

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 5 พฤติกรรมที่ทำให้สายตาแย่ลงโดยไม่รู้ตัว พร้อมแนวทางดูแลและปรับพฤติกรรมง่าย ๆ เพื่อถนอมสายตาให้อยู่กับคุณไปได้ยาวนาน

สาเหตุที่ทำให้สายตาแย่ลง

สายตาแย่ลง มักเกี่ยวกับค่าสายตาสั้นลง สายตายาวตามอายุ สายตาเอียง รวมถึงแสง UV และความเมื่อยล้าจากจอ ซึ่งล้วนเร่งให้การมองเห็นถดถอย

พฤติกรรมเสี่ยง 5 ข้อที่ทำให้สายตาแย่ลง

หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่า สายตาแย่ลง ไม่ได้เกิดจากอายุเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากพฤติกรรมใกล้ตัวที่ทำซ้ำทุกวัน ลองมาเช็กกันค่ะว่า คุณกำลังทำ 5 พฤติกรรมเสี่ยงนี้อยู่หรือเปล่า 


1. จ้องหน้าจอนานเกินไป

ยุคดิจิทัลทำให้เราต้องใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือแทบตลอดวัน การเพ่งหน้าจอนาน ๆ โดยไม่พักสายตา ทำให้ตาแห้ง ตาล้า และเสี่ยงเกิดอาการปวดหัวร่วมด้วย หากทำต่อเนื่องทุกวัน อาจส่งผลให้ สายตาแย่ลง อย่างรวดเร็ว

  •  เคล็ดลับ: ใช้กฎ 20–20 คือ ทุก 20 นาที พักสายตามองไกล 20 วินาที จะช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้มาก

2. อ่านหนังสือหรือเล่นมือถือในที่มืด

หลายคนชอบอ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์ในห้องแสงสลัว ๆ ก่อนนอน โดยไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมนี้ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนักขึ้น

เพราะแสงไม่เพียงพอจึงต้องเพ่งมากขึ้น กล้ามเนื้อตาอ่อนล้าเร็วกว่าปกติ และอาจทำให้มองไม่ชัดในระยะยาว

  • คล็ดลับ: ควรจัดสภาพแสงให้สว่างพอเวลาทำงาน อ่านหนังสือ หรือใช้มือถือ เพื่อช่วยถนอมสายตา

3. ขยี้ตาบ่อย ๆ

เวลารู้สึกคันตาหรือระคายเคือง หลายคนมักเผลอขยี้ตาแรง ๆ ซึ่งพฤติกรรมนี้อันตรายกว่าที่คิด เพราะอาจทำให้กระจกตาเป็นรอย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะสายตาเอียงได้อีกด้วย

  • เคล็ดลับ: หากมีอาการคันหรือระคายเคืองบ่อย ๆ ควรใช้ยาหยอดตาที่มีความชุ่มชื้นแทนการขยี้ตาแรง ๆ

 

5 พฤติกรรมที่ทำให้สายตาแย่ลง

4. ไม่ใส่แว่นกันแดดเวลาออกกลางแจ้ง

หลายคนให้ความสำคัญกับครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว แต่กลับมองข้ามการใส่แว่นกันแดด ทั้งที่แสง UV จากแดดเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้ดวงตาเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

โดยเฉพาะกระจกตาและจอประสาทตาที่อาจถูกทำลายจนเกิดปัญหาการมองเห็นในอนาคต

  • เคล็ดลับ: เลือกแว่นกันแดดหรือแว่นสายตาที่มีคุณสมบัติ UV Protection 100% เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่ สายตาแย่ลง

5. ไม่ตรวจสายตาเป็นประจำ

หลายคนคิดว่า ถ้าไม่มีอาการผิดปกติก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสายตา แต่ในความจริงแล้ว การตรวจสายตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละครั้ง จะช่วยให้เรารู้ทันปัญหาเล็ก ๆ ก่อนลุกลามจนกลายเป็นโรคตาที่รุนแรง การละเลยเรื่องนี้อาจทำให้ สายตาแย่ลง โดยไม่รู้ตัว

เคล็ดลับ: จัดเวลาเข้ารับการตรวจสายตากับผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจเช็กและปรับเลนส์ให้เหมาะสม

อาการเตือนเมื่อสายตาแย่ลง

  • มองไม่ชัด ต้องเพ่งตลอดเวลา หากเริ่มรู้สึกว่าต้องเพ่งมากกว่าปกติ มองหนังสือใกล้ ๆ ไม่ชัด หรือมองไกลแล้วภาพเบลอ นี่คือสัญญาณแรก ๆ ของการที่ สายตาแย่ลง
  • ปวดตาและเวียนหัวบ่อย การใช้สายตานาน ๆ แล้วเกิดอาการปวดตา หรือเวียนหัวร่วมด้วย อาจบ่งบอกว่าเลนส์ตาไม่สมดุลหรือค่าสายตาเปลี่ยนไป
  • ตาล้าและแสบตาหลังใช้จอ เมื่อทำงานหน้าคอมหรือเล่นมือถือแล้วรู้สึกตาล้า แสบตา หรือน้ำตาไหลง่าย เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่มักมาพร้อมการที่ สายตาแย่ลง
  • เห็นภาพซ้อนหรือพร่ามัวในที่มืด บางคนจะเริ่มเห็นแสงไฟซ้อน หรือมองไฟถนนแล้วพร่า นี่อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาสายตาหรือโรคตาบางชนิด
  • ต้องเปลี่ยนค่าสายตาบ่อยขึ้น หากคุณสังเกตว่าต้องเปลี่ยนเลนส์หรือแว่นใหม่ถี่กว่าปกติ แสดงว่า สายตาแย่ลง เร็วกว่าที่ควรเป็น

วิธีป้องกันไม่ให้สายตาแย่ลง

แม้ว่า สายตาแย่ลง จะเป็นสิ่งที่หลายคนต้องเจอตามวัย แต่เราสามารถชะลอและดูแลดวงตาให้อยู่ในสภาพดีได้นานขึ้น เพียงใส่ใจพฤติกรรมและสุขภาพสายตาในชีวิตประจำวัน ดังนี้

1. พักสายตาสม่ำเสมอ

ใช้กฎ 20–20 คือจ้องหน้าจอ 30 นาที พักสายตามองไกล 30 วินาที ช่วยลดอาการตาล้าและป้องกันไม่ให้ สายตาแย่ลง เร็วเกินไป


2. จัดสภาพแสงให้เหมาะสม

หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือเล่นมือถือในที่มืด เพราะแสงไม่พอทำให้ต้องเพ่งมากขึ้น ควรใช้แสงสว่างที่พอเหมาะเพื่อถนอมสายตา


3. ใส่แว่นสายตาที่ตรงค่าสายตา

การใส่แว่นที่ไม่ตรงค่าสายตาอาจทำให้เกิดอาการปวดตา เวียนหัว และเร่งให้ สายตาแย่ลง ได้


4. ใช้แว่นกันแดดหรือแส่นสายตาป้องกันรังสี UV

รังสี UV จากแดดเป็นตัวการทำลายดวงตา ควรใส่แว่นกันแดดที่มี UV Protection 100% ทุกครั้งที่ออกกลางแจ้ง


5. ตรวจสายตาเป็นประจำ

ควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อค้นหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ และแก้ไขก่อนที่อาการจะลุกลาม

พฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ควรปรับเพื่อลดสายตาแย่ลง

แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่การปรับพฤติกรรมประจำวันบางอย่างก็ช่วยลดโอกาสที่ สายตาแย่ลง ได้ ลองเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวดังนี้


1. ใช้แว่นสายตายาวไปมองไกล

หลายคนใส่แว่นสายตายาว (สำหรับอ่านหนังสือหรือมองใกล้) ไปใช้มองระยะไกลโดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมนี้ทำให้ดวงตาต้องเพ่งหนักขึ้นและอาจเร่งให้ สายตาแย่ลง

ควรเลือกใส่แว่นที่ตรงกับกิจกรรม เช่น ใช้แว่นอ่านใกล้สำหรับอ่านหนังสือ และใช้แว่นระยะไกลสำหรับขับรถหรือดูโทรทัศน์ หรือใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ เพื่อมองชัดทุกระยะ

 

ใช้แว่นสายตายาวไปมองไกล

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำน้อยเกินไปทำให้ดวงตาแห้ง ระคายเคือง และเกิดอาการตาล้าได้ง่ายขึ้น


3. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับน้อยทำให้กล้ามเนื้อตาไม่ได้พักเต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการมองพร่าและอ่อนล้า


4. ใส่คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธี

ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์เกินเวลาที่กำหนด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเร่งให้ สายตาแย่ลง

สรุป: 5 พฤติกรรมที่ทำให้สายตาแย่ลง โดยไม่รู้ตัว

สายตาแย่ลง ไม่ได้มาจากอายุเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากนิสัยเล็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ้องหน้าจอนาน อ่านในที่มืด ขยี้ตา ไม่ใส่แว่นกันแดด หรือไม่ตรวจสายตา ล้วนเร่งให้ดวงตาเสื่อมเร็วขึ้น

สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต ได้แก่ มองไม่ชัด ตาล้า เวียนหัว หรือมองไฟแล้วพร่ามัว ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการพักสายตา จัดสภาพแสงให้เหมาะสม ใส่แว่นที่ตรงค่าสายตาและตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ

รวมถึงการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ เช่น ใช้แว่นให้ถูกระยะ ดื่มน้ำและนอนหลับให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการมองเห็น และลดความเสี่ยงที่ สายตาแย่ลง ก่อนวัยได้จริง

เพราะสายตาแต่ละคู่ไม่เหมือนกัน

ORRA จึงใช้ประสบการณ์กว่า 10 ปี

พัฒนา ORRA Signature Fit™ 

ระบบตรวจวัดสายตา ที่วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สายตา ไลฟ์สไตล์ และปัญหาที่คุณเผชิญ!

เพื่อให้คุณได้แว่นที่... “ใช่ที่สุด...สำหรับคุณจริงๆ”

 

ปรึกษาทีมงานของเรา

เยี่ยมชมสาขาของเรา:

สาขารามคำแหง : CHIC HOME OFFICE Ram53

สาขาพระราม 6 : TIPCO TOWER ชั้น 5

สาขาประชาอุทิศ-สุขสวัสดิ์ : THE COMMERCE

เปิดให้บริการ : ทุกวันเวลา 11.00-20.00น.

Call Center : 062-651-2365