บทความนี้ ORRA จะพาทุกท่านมารู้จักกับเลนส์แว่นสายตามากขึ้น ถึงที่มาที่ไป ประเภทของเลนส์แว่นสายตา โดยเฉพาะเลนส์ Progressive ที่เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของเลนส์แว่นสายตาในปัจจุบัน
หากเราพูดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง สิ่งที่คนมักจะนึกถึงมากที่สุด คือ แว่นสายตา ที่สามารถช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาค่าสายตาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเป็นปกติได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าแว่นสายตานั้นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ เลนส์แว่นสายตา และกรอบแว่นสายตา
เลนส์แว่นสายตา คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร
ก่อนที่จะไปถึงเลนส์ Progressive อย่างแรกเราควรมาทำความเข้าใจก่อนว่าเลนส์แว่นสายตาคืออะไร และทำหน้าที่อย่างไร
โดยเลนส์แว่นสายตา คือ วัสดุสีใสที่สามารถให้แสงผ่านได้ มีความโค้งของผิวทำหน้าที่หักเหแสง เนื่องจากค่าสายตาที่ผิดปกติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของกระจกตา
เช่น สายตาสั้นจะมีกระจกตาที่มีความโค้งมากกว่าปกติ หรือเส้นผ่าศูนย์กลางของกระบอกตายาวกว่าปกติ จึงมีกำลังในการหักเหแสงมากขึ้น ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกก่อนถึงจอประสาทตาจึงทำให้มองไกลได้ไม่ชัดนั่นเอง
ดังนั้นเลนส์แว่นสายตาจึงทำหน้าที่ให้เกิดการรวมแสงมายังจุดรับภาพได้อย่างพอดีนั่นเอง
เลนส์แว่นสายตาเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่
เลนส์แว่นสายตามีที่มาที่ไปอย่างยาวนาน โดยเริ่มมีการผลิตและจำหน่ายอย่างจริงจังก็ต่อเมื่อช่วงศตวรรษที่ 1300 ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งในขณะนั้นเรียกว่า “แผ่นดิสสำหรับตา”
โดยมีลักษณะที่มีเพียงกรอบของแว่น และจุดเชื่อมกันของแว่นทั้งสองข้าง ไม่มีขาแว่นอย่างเช่นปัจจุบัน เมื่อต้องการใช้งานจะต้องยกขึ้นมาทาบกับดวงตา แต่ต่อมาก็มีการคิดค้นขาแว่นขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 1500 แล้วหลังจากนั้นแว่นสายตาก็เริ่มเป็นที่นิยมและแพร่กระจายไปยังทุกภูมิภาคบนโลกเมื่อทศวรรษที่ 1660
วิวัฒนาการของเลนส์แว่นสายตา
เลนส์แว่นสายตาแบบแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นเป็นเลนส์แว่นตาแบบที่ปัจจุบันเรียกว่าเลนส์ชั้นเดียว หรือเลนส์ที่สามารถมองได้ชัดเจนเพียงระยะใดระยะหนึ่งเท่านั้น
โดยช่วงตั้งแต่คิดค้นแว่นสายตา คือ ศตวรรษที่ 1300 – 1700 จะมีเลนส์สำหรับผู้ที่สายตาสั้น และเลนส์สำหรับผู้ที่สายตายาวเท่านั้น ยังไม่มีเลนส์สำหรับผู้ที่สายตาเอียง
ต่อมาได้มีการคิดค้นเลนส์แว่นสายตา 2 ชั้นขึ้น เมื่อประมาณปี ค.ศ.1784 โดยเบนจามิน แฟรงคลิน โดยเรียกว่าเลนส์เสี้ยวพระจันทร์ (Bifocal lens) ที่สามารถมองได้ 2 ระยะ เพื่อช่วยให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
แต่ปัญหาก็ไม่ได้หมดไปเนื่องจากเลนส์ 2 ชั้น ยังขาดระยะกลางที่เมื่อมองผ่านเลนส์ 2 ชั้นระยะกลางจะไม่ชัดเจน ทำให้มีการคิดค้นเลนส์แว่นสายตา 3 ชั้นขึ้น ที่สามารถมองได้ทั้งระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกลได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีเลนส์ 2 ชั้นและ 3 ชั้น แต่เลนส์ทั้ง 2 แบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพการใช้ชีวิตของคนที่มีค่าสายตาผิดปกติดีขึ้นได้ เนื่องจากอุปสรรคสำคัญ คือ รอยต่อระหว่างเลนส์แต่ละระยะที่ทำให้ไม่สวยงาม
และที่สำคัญที่สุดคือการกระโดดของระยะการมองทำให้ผู้ที่สวมใส่เกิดอาการปวดตา ปวดหัว และอื่น ๆ ตามมาจากการสวมใส่
ดังนั้น จึงมีการคิดค้นเลนส์ Progressive ขึ้น โดยการเพิ่มส่วนบิดเบือนด้านข้างเพื่อทำให้การเปลี่ยนระยะมีความนุ่มนวลมากขึ้นนั่นเอง และมีการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เรื่อยมา เช่น การเคลือบผิวเลนส์ การปกป้องแสง เลนส์เฉพาะทาง เป็นต้น
เลนส์แว่นสายตาในปัจจุบันมีกี่แบบ
เลนส์แว่นสายตาที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
เลนส์ชั้นเดียว (single vision)
เป็นเลนส์แว่นสายตาที่มองเห็นคมชัดได้ในระยะใดระยะหนึ่งเท่านั้น เช่นมองไกลเพียงอย่างเดียว หรือมองใกล้เพียงอย่างเดียว
เลนส์ 2 ชั้น (bifocal lens)
เป็นเลนส์ที่สามารถมองได้ 2 ระยะในเลนส์แว่นสายตาเพียงอันเดียว แต่จะมีครึ่งวงกลมคล้ายเสี่ยวพระจันทร์ อยู่โซนล่างของเลนส์ อาจมีภาพกระโดดเวลาใช้งาน และไม่สามารถมองระยะคอมได้
เลนส์เฉพาะทาง (degressive lens)
เป็นเลนส์ที่เน้นการมองระยะใกล้-กลาง สำหรับผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ หรือผู้ที่ทำงานเฉพาะทางเช่น หมอฟัน ศัลย์แพทย์ นักบัญชี
เป็นเลนส์ที่มองได้หลายระยะแบบไร้รอยต่อสวยงาม เหมาะกับการเสริมบุคลิก เพราะไม่ต้องมองลอดแว่น หรือต้องถอดแว่น เข้าๆ ออกๆ สามารถมองได้ทุกระยะที่ต้องการ
เลนส์ Progressive มีข้อดีอย่างไร
ข้อดีของเลนส์ Progressive มีอยู่หลากหลายประการ โดยข้อดีที่ถือเป็นจุดเด่นของเลนส์ Progressive มีอยู่ 3 ประการ คือ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาผิดปกติทั้ง 4 แบบ คือ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตาที่ซับซ้อน หรือมี 2 ค่าสายตา เช่น สายตาสั้นและสายตาเอียงร่วมกันนั่นเอง
- มองได้ชัดเจนในทุกระยะการมองในแว่นอันเดียว จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันที่มีการใช้สายตาในการมองหลายระยะมากขึ้นและมีการเปลี่ยนระยะถี่ขึ้น เนื่องจากมีกิจกรรมที่หลากหลายและมีการมองระยะที่แตกต่างกัน เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ การขับรถ การเดินเล่น เป็นต้น
- มีความสวยงามเนื่องจากเป็นแว่นที่ไร้รอยต่อไม่เห็นการต่อกันของเลนส์ ทำให้ผู้สวมใส่ดูดี ไม่ต้องกังวลเรื่องภาพลักษณ์นั่นเอง
ข้อเสียและข้อจำกัดของเลนส์ Progressive มีอะไรบ้าง
เลนส์ Progressive อาจมีข้อเสียหรือข้อจำกัดอยู่บ้างบางประการ เช่น ราคาของเลนส์ Progressive ที่จะมีราคาสูงกว่าเลนส์ประเภทอื่น ๆ
เนื่องจากคุณสมบัติและการทำให้ได้มาซึ่งคุณสมบัติเหล่านั้นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากกว่า และความผิดพลาดในกระบวนการตัดแว่นหรือความไม่คุ้นชินของผู้ใช้งานที่อาจทำให้ใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ 100%
ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หากท่านได้ตัดแว่นเลนส์ Progressive กับร้านตัดแว่นที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากพอที่จะแนะนำให้คุณได้
และที่สำคัญควรได้ทดลองเลนส์ Progressive ก่อนซื้อจริงทุกครั้ง
บทสรุป :
จะเห็นได้ว่าเลนส์แว่นสายตามีที่มาที่ไปอย่างยาวนานกว่าจะมีเลนส์แว่นสายตาประเภทต่าง ๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของคนเราในปัจจุบัน
ซึ่งเลนส์ Progressive ก็ถือเป็นเลนส์ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นอย่างมาก และปัจจุบันก็กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาว โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 38 ปีขึ้นไป ที่สายตาเริ่มมีการเสื่อมถอยและปัญหาค่าสายตาเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ซึ่งหากท่านต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือต้องการรับคำปรึกษา มาหาเราที่ ORRA ศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00น. ทักเราที่นี่ค่ะ LINE:@orra-od